วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

ตอนที่ 10 สองร่างหนึ่งใจ ( จบ )

ตอนที่ 10 สองร่างหนึ่งใจ ( จบ )

  • ความคิดเรื่องเวลาไม่ได้สลักสำคัญอะไร เมื่อเปรียบเทียบกับความเป็นอมตะของวิญญาณแม้ว่าผมได้จากโลก
  • มนุษย์มาก่อนเวอร์ดิกริส 27 ปี เราก็มาถึงพร้อมกับเจเรไมและโจแอ็บ ความสุขที่ฉายแสงจากร่างของทูตที่รักเคารพนั้นดูเจิดจ้ามากกว่าแสงของตัวเราซะอีก
  • เจเรไมกล่าวว่า "นานเท่าไหร่แล้วที่คุณต้องเฝ้าคอยและคุณต้องเกิดกี่ชาติ กว่าที่พวกคุณจะสามารถพบกันได้ ณ ประตูแห่งความเป็นอมตะนิรันดร์"
  • ผมกล่าวออกไปขณะที่วิญญาณเปี่ยมด้วยความสุขสงบว่า "ผมเข้าใจแล้วว่าตอนนี้การรอคอยเป็นสิ่งจำเป็นยังมีอะไรอีกมากมายที่ผมต้องเรียนรู้ และผมต้องชำระบาปให้อีกหลายเรื่องก่อนที่ผมจะได้พบสัจธรรม"
  • โจแอ็บกล่าวขณะที่เปลวรัศมีส่องสว่างอย่างนวลตาว่า "สัจธรรมคืออะไร"

  • ผมตอบไปว่า "การรวมวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวที่เป็นที่สุดของทุกสิ่ง จะมีเพียงสัจธรรมเพียงอันเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสภาพที่ไร้กาลเวลาอยู่"
เจเรไมตอบว่า "คุณรู้รึเปล่าว่าตัวคุณเป็นใคร"
ผมตอบว่า "ผมเป็นวิญญาณแห่งห้วงจักรวาล เป็นหน่วยอะตอมที่มาจากสรรสิ่งที่สร้างขึ้นมา"
โจแอ็บตอบว่า "แล้วเวอร์ดิกริสล่ะคือใคร"
ผมตอบว่า "ตัวผมเองนี่ไงคือเวอร์ดิกริส"
ทูตคนเดิมกล่าวว่า "ในช่วงเวลาแห่งความสุข เวอร์ดิกริสไปอยู่ที่ไหนล่ะ"
ผมตอบว่า "เธอจะสถิตอยู่ในกายผมตลอดเวลาตลอดไป แต่ผมได้อาศัยอยู่ในร่าง ผมจึงมองไม่เห็นเธอ ต้องเป็น
ที่เมืองอาซัสซีที่สุดท้ายที่จำเธอได้ แต่ก่อนที่จะเจอกัน เวอร์ดิกริสต้องพลัดพรากจากผมตั้งแต่แรกเลย แต่การ
พลัดพรากจากกันเท่านั้นที่ผมสามารถได้เจอเธอได้"

ทูตทั้ง 2 คนกล่าวว่า "ในที่สุดคุณก็บังเกิดความรู้แจ้งแล้วและคุณ 2 คนก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน"

ผมเห็นตัวเองอยู่ในวงรัศมีขนาดใหญ่ที่เกิดจากรุ้งหลากสีที่งดงามจรัสตา โดยตัวผมถูกกลืนในแสงพร่าของแสงสี
ขาวเจิดจ้าผมรู้สึกว่าตัวเองถูกดูดไปอยู่ตรงกลางแสงแห่งจักรวาล วิญญาณของผมได้แผ่กว้างไปในลำแสงแห่ง
ความรักที่ไม่อาจบอกได้ และพร้อมกันนั้นผมได้ยึดติดกับแกนกลางของอะตอมอันเป็นจุดที่ตั้งแห่งจักรวาล จาก
ชั่วพริบตาที่น่ามหัศจรรย์ใจ ผมรู้สึกว่าเวอร์ดิกริสได้สั่นระริกอยู่ในกายผม ก่อนที่วิญญาณของเราจะหลอมกันเป็น
อมตะนิรันดร์ความสุขที่เปี่ยมล้นเป็นนิรันดร์นั้นทำให้ชีวิตของผมเป็นอมตะ


วิญญาณอันบริสุทธิ์ของผมได้ทะยานไปยังใจกลางของจักรวาลอย่างรวดเร็ว เพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า
อันเป็นบ่อเกิดแห่งสรรพสิ่งทั้งปวงที่ปรากฏอยู่ แสงแห่งจักรวาลที่เจิดจ้าสว่างกว่าดวงอาทิตย์นับล้านดวงได้สาด
ส่องจักรวาล จนสว่างไสวพวยพุ่งไปด้วยแสงรังสีแกมมาที่ไกลจนสุดตา รวมทั้งทำให้สาดส่องสิ่งต่างๆ ที่เราเอง
ยังไม่รู้จักบนโลก แสงนี้สว่างเกินกว่าที่ตาของมนุษย์จะมองเห็นตรงกลางแสงจักรวาล โดยภายในวงกลมที่มี
เปลวไฟสว่างไสวนั้น จะมีเหล่าวิญญาณประเสริฐบริสุทธิ์ที่สุดอาศัยอยู่โดยเป็นผู้ที่มีความสุขจากความรักและ
ความเสียสละที่จะได้รับอยู่ตลอดกาล โดยจะเป็นแสงแห่งพระเจ้า ในบรรดาวิญญาณเหล่านั้น ผมจำวิญญาณที่
สิ่งประกายของพระพุทธเจ้าและแสงอันวิเศษของพระเยซู


ในขณะที่ผมมาถึง ณ สถานที่สวยงามบนสวรรค์ วิญญาณของผมก็ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณเหล่า
นี้ด้วยความสุขตลอดกาล ผมรู้อย่างแน่ชัดตอนที่ตนเองปรากฏอยู่ในแสงว่า แสงนี้คือพระเจ้าที่ต้องรับผมด้วยความ
อ่อนโยนอันไร้ขีดจำกัด ผมไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกที่บอกไม่ถูกนี้ได้อย่างไร


โจแอ็บกระซิบบอกกับวิญญาณผมว่า "เคอร์คูเดียน ในที่สุดคุณได้เจอความสุขแล้วใช่มั้ย"
ผมตอบว่า "เป็นความสุขที่เป็นอมตะนิรันดร์"
"งั้นเคอร์คูเดียนคุณมากับผม คุณจะได้เห็นภพภูมิอื่นๆ ที่ไม่เคยมีความสุขเช่นนี้ปรากฏเลย"

ผมลงไปยังภพภูมิในโลกวิญญาณอย่างรวดเร็ว เราได้เดินทางห่างจากความสุขอันเป็นนิรันดร์ซึ่งอยู่เบื้องหลังที่
พระพุทธเจ้าเรียกว่านิพพาน แสงพระเจ้าได้เริ่มจางหายไปจากตัวเรา และเลือนสลายกระจายเป็นสีต่างๆนับพัน
สีที่ผมเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อพวกเราเดินทางลงต่อไป ผมเห็นภพภูมิแต่ละแห่งแตกต่างกัน อย่างเช่นผู้คน
ที่อาศัยอยู่ภพภูมิของวิญญาณที่มีการพัฒนา แต่ยังไม่สามารถรวมวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าได้ พวกเขา
จะมีการับรู้ทางสติปัญญาว่าตัวเองมีตัวตนเท่านั้น แต่ไม่รู้จักตัวตนของวิญญาณ


ภพภูมิที่อยู่ต่ำลงไปจะเป็นที่อยู่ของเหล่าวิญญาณที่ทุกข์โศกซึ่งมีแต่ความรู้สึกที่รุนแรงและเกรี้ยวกราด แสงของ
พระเจ้านั้นริบหรี่เกินกว่าที่จะเข้าไปสัมผัสกับเหล่าวิญญาณพวกนี้ได้ พวกเราได้ยินวิญญาณหลายคนร้องคร่ำครวญ
อย่างเจ็บปวดทรมานและสิ้นหวังในดินแดนนรกมืดดำ ตัวผมเองรู้สึกทุกข์ใจอะไรเช่นนี้ เมื่อเห็นภาพการแตกสลาย
ของวิญญาณที่น่าโศกสลด


ผมถามโจแอ็บว่า "ทำไมคุณพาผมมาที่นี่หละ" ผมรู้สึกขนพองสยองเกล้า แล้วถามเป็นครั้งสุดท้ายว่า 
"ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นภาพความหายนะเช่นนี้"

โจแอ็บว่า "ก็เพราะว่าตัวคุณยังเป็นวิญญาณที่อายุน้อยอยู่คุณเองไม่เคยรวมวิญญาณตัวเองให้เป็นหนึ่งเดียวกับ
พระเจ้า เราได้พาคุณไปยังแสงแห่งพระเจ้า เพื่อให้คุณสัมผัสถึงการมีตัวตนของพระเจ้า และอยู่ในอ้อมอกแห่ง
ความรักของพระเจ้า แสงแห่งพระเจ้าคือบ้านที่พำนักของคุณ เป็นสิ่งที่ตัวคุณเป็นอยู่ แต่นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่คุณ
ต้องเรียนรู้ที่จะใช้แสงแห่งพระเจ้าส่องสว่างวิญญาณในขุมนรกมืดดำ และนำพาพวกเขาที่กำลังค้นหาสัจธรรม
อยู่ เมื่อไหร่ก็ตามถ้าคุณต้องการที่จะเพิ่มประกายแสงสว่าง หรืออยากจะรวมวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า
คุณสามารถขึ้นไปหาพระเจ้าได้แต่คุณต้องกลับมาทำหน้าที่ของคุณต่อไป นี่คือจุดมุ่งหมายหลักของวิญญาณที่มี
การพัฒนาตนเองแล้ว และสิ่งนี้จะเป็นเป้าหมายต่อไปจนกว่าการรวมวิญญาณกับพระเจ้าจะสำเร็จลุล่วงได้"


ผมกระวีกระวาดถามว่า "ผมจะช่วยได้ยังไงครับ"
"คุณอาจจะเป็นครู แนะนำใครก็ตามที่คุณต้องการ ให้ความหวังแก่วิญญาณที่รู้สึกสิ้นหวังและให้แรงบันดาลใจ
แก่วิญญาณที่กำลังค้นหาไขว่ค้าหนทางอยู่"

ผมถามว่า "ที่นรกนี่นะหรือ"
โจแอ็บตอบว่า "จะเป็นทีนรก หรือที่ไหนก็ได้ตามใจคุณ คุณสามารถที่จะทำหน้าที่ของคุณ ณ ที่ใดก็ได้บนจักรวาล
แห่งนี้เพียงถ้าคุณต้องการ คุณก็อาจจะเป็นทูตวิญญาณให้แก่ดาวดวงใหนก็ได้ที่คุณเคยอาศัยอยู่ หรือคุณเอง
สามารถไปยังที่คุณไม่เคยไปมาก่อนก็ได้ ตัวคุณเองจะเป็นคนตัดสินใจอยู่ตลอดเวลา"

ผมกล่าวอย่างลังเลว่า "ถ้าผมจะทำละก็ ผมขอเลือกโลกมนุษย์ดีกว่า ผมเคยทุกข์ทรมานบนโลกมนุษย์มาก่อน
และโลกมนุษย์นี่เองที่ทำให้ผมได้ค้นพบตัวเอง"

โจแอ็บตอบว่า "โลกมนุษย์เป็นสถานที่สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส ความเปลี่ยนแปลงในโลกแสนจะรวดเร็ว
และมีอันตรายคุณเองสามารถสร้างความดีได้มากทีเดียว บางทีคุณอาจจะเป็นทูตแห่งความโศกเศร้าก็ได้นะ
เพราะตัวคุณประสบกับความทุกข์ทรมานมามากมาย จากที่คุณเคยเจ็บปวด คุณสามารถให้ความหวัง และการ
ปลอบประโลมแก่มนุษย์ คุณอยากจะทำหน้าที่อันนี้หรือเปล่า"

ผมตอบทันควันว่า "ไม่ ความทุกข์โศกไม่ได้เป็นมิตรที่ดีแก่ผมเลย ผมไม่อยากจะนำความทุกข์โศกไปให้ใครเลย"
โจแอ็บกล่าวอย่างจริงจังว่า "ความทุกข์โศกเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาวิญญาณ คุณไม่อาจเพิกเฉย และปฏิเสธสิ่งนี้ไปได้"
ผมสวนตอบไปว่า "ผมไม่ได้ตั้งใจทีจะปฏิเสธความทุกข์โศกแต่คุณพูดเองไม่ใช่หรือว่าผมมีอิสระที่จะเลือก"
โจแอ็บกล่าวอย่างสุภาพว่า "ใช่ คุณมีสิทธิ์ ยังมีสิ่งอื่นอีกหรือที่คุณจะทำ งั้นเป็นทูตแห่งแรงบรรดาลใจเป็นไง"
ผมครุ่นคิดแล้วตอบว่า "แรงบันดาลใจ ใช่แล้ว จะเป็นภาพกิจที่วิเศษสุด ผมจะช่วยมนุษย์ชาติโดยเป็นแรงบรรดาล
ใจให้พวกเขาให้ฟื้นตื่นจากความอ่อนแอและอุปสรรคทั้งปวง รวมทั้งชี้นำให้พวกเขาก้าวไปสู่หนทางแห่งพระเจ้า"

โจแอ็บกล่าวว่า "งั้นก็ตกลงตามนี้ จากนี้จงไปปฏิบัติภารกิจบนโลกมนุษย์ จะไม่มีใครบอกคุณว่าใครคนไหน
ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ คุณจะต้องตัดสินใจเอง"

เขาเตือนว่า "แต่ต้องตัดสินใจดีๆ นะ และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อว่ามวลมนุษย์จะได้พัฒนาตนเองไปหาพระเจ้าอย่างรวดเร็ว"

วันเวลาผ่านไปหลายปี นับจากที่ผมเริ่มปฏิบัติหน้าที่บนโลกมนุษย์ ผมเคยบอคุณแล้วเกี่ยวกับเรื่องราวครั้งแรก
ที่ผมได้กลายมาเป็นสื่อแรงบันดาลใจให้แก่นักเต้นบัลเลย์ที่ชื่อ แอนนาพาวโลว่ หลังจากที่ผมได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อ
เธอเสร็จสิ้นลงแล้ว ผมก็ได้ทำหน้าที่แก่คนอื่นๆ โดยช่วยให้ความฝันเป็นจริง และช่วยพัฒนาจิตวิญญาณคนเหล่า
นี้จำนวนหนึ่งมีจิตวิญญาณที่สูงส่ง แต่คนอื่นๆยังเป็นมือใหม่ในเรื่องการพัฒนาวิญญาณอยู่ แต่ผมก็ให้ความ
ศรัทธาและความอุตสาหะที่พวกเขาต้องการ เพื่อความสำเร็จของจุดมุ่งหมายของพวกเขา ผมได้ชี้นำวิญญาณที่
ต่ำต้อยที่สุดซึ่งเป็นขอทาน โดยช่วยแก้ปัญญหาให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ ผมให้กำลังใจสนับสนุน
อยู่เสมอ ทำให้เขาเกิดความมุมานะกลับไปสู่สังคมมนุษย์เดินดินได้ และกลายมาเป็นครูบาอาจารย์อันเป็นที่รัก
เคารพอย่างยิ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดชายคนนี้ได้พัฒนาตนเองด้วยทัศนะที่ลึกซึ้งและสัมผัสกับพระผู้เป็นเจ้า ในเหล่า
บรรดาวิญญาณอันสูงส่งนั้นมีวิญญาณของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ที่ผมเคยช่วยเขาคลามปมปัญหาเรื่องความลึกลับ
แห่งพระเจ้า รวมทั้งทนายความของศาสนา ฮินดู มหาตมะ คานธี ที่ผมเคยสอนเขาไว้ว่า พระเจ้าเสมอเหมือน
สัจธรรม และพระองค์ก็ทรงเป็นสัจธรรมอันนี้ คานธีได้เผยแพร่คำสอนแก่มวลมนุษย์ ซึ่งเกิดความศรัทธาและ
การพัฒนาจิตวิญญาณของมนุษย์ในเวลาต่อมาคุณธรรมสองสิ่งนี้ง่ายที่จะเป็นแรงบันดาลใจ เพราะว่าทั้งสองคน
นี้เป็นวิญญาณที่มีความศรัธธาและความเมตตาอันสูงส่ง


ผมยังคงอยู่ที่นี่ตั้งแต่เทือกเขาหิมาลัยจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทั้งในละติจูดเหนือและใต้ รวมทั้งลองติจูดตะวันออก
และตะวันตกของโลก วิญญาณอันบริสุทธิ์ของผมยังคงแผ่ไกลเหมือนเสื้อคลุมที่ปกคลุมทั้งความกว้างยาวของ
โลกมนุษย์ ถ้าคุณต้องการผมขอให้เรียกชื่อผม ผมจะอยู่ที่นี่เพื่อชี้นำทางให้คุณ ความสว่างไสวทางปัญญาของผม
จะช่วยจรรโลงวิญญาณของคุณให้สดใสสว่าง ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ตามที่คุณรู้สึกสงสัยเคลือบแคลง และต้องการคำแนะนำ
ขอแต่เพียงอย่าลืมชื่อของผม
 ผมชื่อ เคอร์คูเดียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น