ตอนที่ 5 โลกมนุษย์ ส่วนที่ 3
- ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่เริ่มระหองระแหงแย่ลงเรื่อยๆ ในที่สุดพ่อไปได้หลงรักหลานสาวของขุนนางตนเองมาก จนต้องหย่าร้างกับแม่เพื่อไปแต่งงานกับเธอ แม่และครอบครัวฝ่ายแม่เห็นว่าการกระทำอย่างนี่เป็นสิ่งที่น่าประณาม
- นับเป็นครั้งแรกที่ผมเป็นมิตรกับฝ่ายแม่เพื่อต่อต้านพ่อ ผมรู้สึกว่าการที่พ่ออย่ากับแม่แล้วไปแต่งงานกับหญิงอื่น ไม่ใช่เพียงแต่จะเป็นการดูถูกครอบครัวแล้วยังทำให้ความหวังการขึ้นครองราชย์ของผมสั้นคลอนอีกด้วย ผมได้เสพสัมผัสกับความหอมหวานของความรุ่งโรจน์แล้ว
- แต่กังวลกับการครอบครองอำนาจ เมื่อผมอายุย่าง 18 ปี ผมได้ลืมการเตือนของโจแอ็บและเจราไม
- เกี่ยวกับความหายนะที่มาจากพลังอำนาจ
- ในทันทีที่พ่อแต่งงานใหม่ แม่ก็ออกจากพระราชวังไปแล้วผมก็ตามแม่ไปด้วย พ่อไม่ได้เหนี่ยวรั้งผมไว้ แต่พวกแม่ทัพนายพลได้เตือนพ่อว่าเป็นเรื่องไร้เหตุผลสิ้นดีที่จะพูดถึงการรวมประเทศกรีซในเมื่อตัวพ่อเองยังไม่สามารถควบคุมครอบครัวตนเองได้เป็นปึกแผ่นผมลังเลใจเช่นกัน พ่อกระตือรือร้นในตัวผมเพียงเล็กน้อย การเทิดทูนบูชาของผมแบบเด็กๆ นั้นถูกแทนที่ด้วยความโกรธเคืองและความรังเกียจเหยียดหยาม
- ผมมักจะเกลียดคนที่ถูกครอบงำโดยผู้หญิง ซึ่งเป็นความรักที่เสแสร้งที่ผมได้เรียนรู้มาจากการสอนของอริสโตเติ้ล เหตุการณ์เริ่มเลวร้ายลงไปเมื่อภรรยาใหม่ของพ่อให้กำเนิดบุตรชายที่จะกลายเป็นผู้อวดอ้างการครองบังลังก์ เมื่อพ่อถูกลองสังหารโดยทหารองรักขาคนหนึ่ง ความรู้สึกที่ผมคิดมาตลอดเริ่มผ่อนคลายลงไป
- ทันทีที่พ่อเสียชีวิต ผมได้ประกาศสถาปนาเป็นกษัตริย์แห่งมาซีโดเนีย กองทัพที่เคยนิยมในตัวผมยอมมรับทันทีและเป่าเตรต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ แต่คนที่เหลือในราชสำนักไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรเลย อะตาลุส ซึ่งเป็นลุงของภรรยาคนที่ 2 ของพ่อได้กล่าวอ้างว่า จะให้หลานชายตนขึ้นครองราชย์ ผมได้โต้ตอบอย่างทันควัน
- โดยส่งทหารอารักขาส่วนตัวไปหาอะตาลุส จากนั้นมาก็ไม่มีใครเจอเฒ่าคนนี้อีกเลย แม่เริ่มเกี้้ยวกราดโกรธแค้นมากยิ่งขึ้นและหยาบกระด้างมากกว่าผมเสียอีก แม่ต้องการดับความอยากปรารถนา
- ของน้องชายนอกไส้และแม่ของเด็กคนนี้ ด้วยการแสดงท่าทีที่น่าขยาดกลัวสยดสยอง แม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ แต่มีทาสเล่าให้ฟังถึงการลอบฆ่าลูกชายของภรรยาคนที่สองของพ่อและบังคับให้เธอแขวนคอตายตาม ทาสอีกคนหนึ่่งบอกว่า ทั้งแม่ลูกถูกต้มทั้งเป็น
- ผมไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมคิดว่าไม่เหมาะที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับแม่ ไม่ใช่แต่เพียงน้องชายนอกไส้เท่านั้นที่อยากเป็นผู้ครองราชบัลลังก์คนอื่นๆก็พยายามช่วงชิงมงกุฏกษัตริย์ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นของผมความต้องการของพวกเขาก็ได้แค่ชั่ววูบ เมื่อผมได้เป็นรัชทายาทครองราชบัลลังก์แห่งมาซีโดเนีย ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ผมสามารถกำชัยชนะโดยการทำให้ฝ่ายศตรูหลั่งเลือด
- ความกระหายอยากในอำนาจเริ่มรุกรานจิตวิญญาณของผม เหมือนกับการคิดร้ายที่มีมากขึ้นและสิ่งนี้ก็จะอยู่กับตัวผมไปตลอดชีวิตที่เหลือ ตอนนั้นผมมีอายุ 20 ปี
- หลังจากการขึ้นครองราชย์ต่อจากกษัตริย์ฟิลิป ผมได้อุทิศเวลาทั้งหมดเพื่อรวมอาณาจักรกรีซเพื่อให้ทำงานครั้งนี้สำเร็จ ผมต้องผนวกรัฐใหญ่ของเมืองเอเธนส์ ธีบีส และโครินท์เข้าด้วยกัน เมืองเหล่านี้มักเป็นกบฏและต่อต้านการปกครองของพ่อเสมอ ผมต้องการทำให้สำเร็จโดยใช้พลังอำนาจที่ดุดัน รวมถึงกลยุทธ์และยุทธวิธีทางทหารที่ผมได้มาจากอริสโตเติ้ล เมืองเอเธนส์และโครินท์พ่ายแพ้โดยง่ายดาย
- ส่วนเมืองธีบีสนั้น ดีมอสธีนีส ผู้เกลียดมาซีโดเนียได้ประกาศไม่ยอมแพ้ ต่อมาประวัติศาสตร์ได้กล่าวประณามที่ผมกระทำต่อเมืองธีบีสซึ่งผมโกรธเคืองที่พวกเขาต่อต้าน แต่สิ่งนี้ไม่เป็นความจริงเลย การตัดสินของผมทางการทหารทุกครั้งมาจากหลักตรรกศาสตร์และเหตุผลที่ลุ่มลึก ผมตัดสินใจพังเมืองธีบีส เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่เมืองอื่นๆ ที่เหลือของกรีซ
- เพราะผมต้องการให้ผู้คนรู้ถึงจุดมุ่งหมายว่าผมไม่ได้ต้องการแค่ชัยชนะ แต่ต้องการให้เป็นปึกแผ่นอันเดียวกันและใครก็ตามที่ขัดขวางผมจะต้องตาย ดังนั้นผมจึงทำลายและเผาเมืองธีบีสราบเป็น
- หน้ากอง และไม่มีอะไรหลงเหลือเลย นอกจากบ้านของพินดาร์ที่ผมได้ชื่นชอบในบทกวีของเขา ชาธีบีส 6,000 คนถูกฆ่าตาย ซึ่งมีทั้งเด็กและสตรี พระและคนพิการ ท้ายที่สุดไม่มีอะไรหลงเหลือแม้แต่เถ้าถ่าน ธีบีสที่เคยเป็นเมืองกรีซก็ได้หายสาบสูญไป
- หลังจากประสบความสำเร็จในการรวมประเทศกรีซ ผมได้หันความสนใจไปที่เปอร์เซีย หลายร้อยปีก่อน เซอร์เซส ได้นำนักรบเปอร์เซียบุกกรีซและขโมยทรัพยสินนับไม่ถ้วน และยังผนวกเมืองต่างๆ ไว้ในครอบครอง ในรัชสมัยที่พ่อเป็นพระเจ้าฟิลิปที่ 2 พ่อได้วาดฝันที่จะบุกเปอร์เซีย ซึ่งขณะนี้กษัตริย์ดาอุสที่ 3 ปกครองอยู่
- พ่อต้องการทรัพย์สินที่สูญหายกลับคืนมา และแก้แค้นความอวดดีของเปอร์เซีย ความเกลียดชังนี้ได้หยุดความฝันพ่อไป แต่ตอนนี้ถึงคราวผมแล้วที่จะสร้างความฝันขึ้นมาและทำให้ตนเองรุ่งโรจน์
- กองทัพที่ผมนำมาด้วยความทะยานอยาก ประกอบด้วยพลทหารเดินเท้า 30,000 นาย และเหล่าทหารม้าอีก 5,000 นายเป็นเพียงกองทัพเล็กๆ ที่พยายามจะเอาชนะอาณาจักรเปอร์เซียแต่ผมรู้ว่าเมืองกรีกที่ถูกผนวกเข้าด้วยกันยอมรับผมเป็นผู้บังคับบัญชาและร่วมมือมากขึ้น ผมรู้ว่าทหารมาซีโดเนียเป็นจักรวาลทางทหารที่มีพลังมากที่สุดในโลกเท่าที่เคยเจอ เนื่องจากทหารต่างมีระเบียบวินัยอุทิศตนอย่างเต็มที่และกล้าหาญ
- ทำให้กองทัพของผมไม่เคยแพ้ในการสู้รบครั้งใดเลย กองทหารที่ผมได้มาจากความมีอัจฉริยะทางกองทัพของพ่อนั้นมีการจัดวางตำแหน่งโดยเดินสวนสนามเคียงบ่าเคียงไหล่ โดยจัดเป็นแนวป้องกันกองหน้าปีกข้าง และกองหน้าตามแถวการเคลื่อนทัพ ทุกคนตั้งแถวเป็นกำแพงกองทัพโล่ดาบและหอกที่ยิ่งใหญ่ของมาซีโดเนีย
- เมื่อพวกเขาเคลื่อนทัพไปข้างหน้าและรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ทั้งธนู หอก อาวุธซัดได้พุ่งตรงไปยังเหล่าทหารมีประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่ากองทัพที่ดีแต่ผมรู้ว่าไม่ง่ายนักที่จะเอาชนะ แต่ผมก็แน่วแน่จะเอาชนะให้ได้ก่อนออกเดินทางจากกรีซ ผมไปที่ศาลสักการะเมืองเดลฟีเพื่อถามนักบวชหญิงแห่งอพอลโลว่า กองทัพที่รบกับเปอร์เซียจะชนะหรือไม่
- เธอบอกว่าวันนี้ฤกษ์ไม่ดีและปฏิเสธที่จะบอกกล่าวคำทำนายผมกระชากผมของเธอทันทีและเอากริชจี้ไปที่คอ และถามอีกครั้งเธอสั้นพร้อมกับตอบไปว่า "โอ คุณต้องการจะถามใช่ไหม?
- คุณเองก็รู้ว่าคุณต้องพ่ายแพ้"
- คำพูดของหญิงผู้นี้ติดค้างอยู่ในตัวผมตลอดระยะเวลายาวนาน ที่สู้รบกับเปอร์เซียและกษัตริย์ดาริอุส ความจริงแล้วเธอพูดถูก ผมไม่เคยระแวงสงสัยกับผลของชัยชนะที่จะเกิดขึ้นเลย เป็นเหมือนกับว่าผมชัยชนะอยู่ในกำมือและผลักดันเพลิงพลังในตนเองเพื่อเอาชนะ
- ผมต้องข้ามช่องแคบเฮเลสพอนท์ (Hellespont) เพื่อมายังเปอร์เซีย ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างฝั่ง
- ตะวันออกและตะวันตกของโลกกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของพวกฟินิเชียนหัวเราะสนุสนานเมื่อเห็นกองทัพชนาดเล็กของผมข้ามทะเลมาจากแดนไกล เราอาจจะดูไม่เก่งกาจสำคัญอะไร พวกเขาจึงไม่ลดตัวมาสอบถามเรา โดยบางทีอาจจะคิดไปว่ากองทัพนับล้านของกษัตริย์ดาริอุสคงจะทำลายกองทัพเราได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่คิดว่า ไม่เพียงแต่พวกเปอร์เซียเท่านั้นที่จะสยบแทบเท้าผม พวกฟินิเชียนเองก็ต้องโดนด้วยเหมือนกัน
- สิ่งแรกี่ผมทำเมื่อมาถึงก็คือ ไปเยี่ยมชมอีเลี่ยม (Ilium) ซึ่งเป็นเมืองโบราณของทรอย ที่เกิดสงครามโลกที่ยิ่งใหญ่ยาวนานถึง 10 ปี ผมได้นำโคลงของโฮมเปอร์ติดตัวมาด้วยซึ่งกล่าวเกี่ยวกับการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของอาคิลิสที่ผมสืบเชื้อสายมาจากเขา สำหรับตัวผมเองแล้วการไปเยี่ยมสถานที่อันสักดิ์สิทธิ์เหมือนกับการเดินทางจาริกแสวงบุญทางศาสนา
- ผมอยู่กับเฮฟาสธีออน ซึ่งเป็นสหายคนสนิทที่ไม่เคยพรากจากกันเลย ผมยืนที่หน้าหลุมศพของ อาคิลิส และสหายของเขาที่ชื่อเปโตรคลุส และแสดงความเคารพต่อการระลึกถึงบุคคลทั้งสองคนนี้ จากนั้นผมได้วางโล่ทองที่เท้าของเทพธิดาอธีนา เพื่อแทนอันเดิมที่เคยถือในตำนานสงคราม
- การต่อสู้ครั้งแรกกับชาวเปอร์เซียเกิดขึ้นที่ริมน้ำกรานิคุส (Granicus) ดาริอุสที่ดูหมิ่นการต่อสู้นี้
- ได้ส่งแม่ทัพคนหนึ่งชื่อ เมมนอน (Memnon) มาประจัญหน้ากับผม เมมนอนเป็นชาวกรีกที่เชี่ยวชาญในสิ่งที่ต้องต่อสู้ และเขาได้ขอให้ดาริอุสเผาบ้านเมืองและพืชพันธุ์อาหารที่อยู่รอบๆ กองทัพเพื่อให้พวกเราอดตาย แต่ดาริอุสได้ปฏิเสธ นี่เป็นความผิดพลาดครั้งแรกของเขา
- เมื่อพวกเรามาถึงริมฝั่งแม่น้ำ ผมได้ลงไปในน้ำ ผมให้โจมตีโดยนำทัพทหารม้าที่มีเกราะส่งประกายจับตาและขนนกสีขาวบนหมวกเหล็กที่มองเห็นได้ชัดมาแต่ไกล ด้านหลังผมจะเป็นกองทหารราบที่มีแม่ทัพ พาร์เมนิโอ เป็นผู้นำทัพโดยเคลื่อนทัพไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่มีความเด็ดเดี่ยวที่จะข้ามผ่านกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
- เมื่อเดินข้ามน้ำมาถึงอีกฝั่งหนึ่ง การต่อสู้ก็เริ่มขึ้นอย่างออกรสออกชาติ การซัดหอกของผมนั้นแรงมากจนหักเป็น 2 ท่อนผมเลยขว้างหอกอีกอันหนึ่งพุ่งซัดเข้าใส่เปอร์เซียที่ชื่อ มิทริดาทิส ซึ่งเป็นลูกเขยของกษัตริย์
- ดาริอุส มิทริดาทิส ฉวยโอกาสที่หอกของผมหักขว้างแหลนตรงมาที่ตัวผม ซึ่งไม่เพียงแต่จะปักถูกโล่เท่านั้น
- แต่ยังโดนเกราะอีกด้วย ผมรอดพ้นจากการบาดเจ็บได้อย่างหวุดหวิดเพราะแหลนที่มีน้ำหนักเบา ผมรู้สึก
- โกรธมากที่โล่แห่งโทรเจนถูกทำลายผมเลยกระโจนล้มใส่ตัวมิทริดาทิส ทำให้บิวเซฟาลุสกระโดดข้ามร่างที่
- ล้มไป ผมซัดหอกครั้งแรกไม่โดนมิทริดาทิส ส่วนครั้งที่สองผมเอามีดจ้วงแทงปักคาหัวใจเขา
- แม่ทัพเปอร์เซียคนหนึ่งเห็นมิทริดาทิสล้มลงเลยเอาดาบฟันลงบนหมวกเหล็กแยกเป็นสองซีก จนหนังศรีษะ
- เปิดจนถึงกะโหลกเลือดอาบไหลนองตัวผม ผมเลยซัดหอกและฆ่าเขาตายคาที่ น้องชายของมิทริดาทิสควบม้า
- ประชิดตัวผม เมื่อเห็นผมเซเสียหลัก พร้อมกับเงื้อดาบหมายจะปลิดชีวิตผม แต่เพื่อนสนิทผมคราวเดียวกัน
- ที่ชื่อ ไคลทุส ที่เหมือนพี่เหมือนน้องกันกับเฮฟาธิออนได้อยู่ใกล้ๆ ไคลทุสได้แกว่งดาบฟันแลแะตัดแขนศัตรู
- ในชั่วอึดใจเดียวต่อมาผมก็หมดสติล้มกองบนพื้น
- การต่อสู้ดำเนินต่อไปในขณะที่ผมนอนจมกองเลือดบนพื้นดินหายใจรวยรินไคสทุสและเฮฟาสธิออนได้ป้อง
- กันตัวผมในขณะที่แพทย์เข้ามาห้ามเลือดที่ไหลออกจากศรีษะราวกับน้ำพุ ทันทีที่หมอปิดบาดแผลที่ศรีษะ
- ผมก็ฟื้นคืนสติและลุกขึ้นได้อีก ผมกระโดดขึ้นบนบิวเซฟาลุส และร่วมรบอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง
- เมื่อเมมมนอนเห็นว่า การกระทำของเขาไม่ได้ผล เขาเลยถอนทัพแและส่งทูตสันธวไมตรีมาหาผม แต่ตัว
- ผมเต็มไปด้วยความระห่ำบ้าเลือดและการหายอยากแต่ชัยชนะ และไม่อยากหยุดทำสงคราม ในช่วงชั่วโมง
- สั้นๆ ต่อมาพวกเราได้ฉีกศัตรูออกเป็นชิ้นๆ ผมรู้สึกโกรธทูตสันติภาพอย่างมากได้ร่วมมือกับดาริอุสและ
- ทรยศกองทัพ พวกศัตรูล้มตายนับพัน และอีก 2 พันคนที่รอดชีวิตนั้นถูกส่งกลับไปเป็นทาสที่มาซีโดเนีย
- ความสูญเสียในกองทัพผมมีน้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบคนผมเอาใจใส่ดูแลเหล่าทหารเสมอ แต่ไม่เคยลืมบทเรียน
- ที่ผ่านพ้นไป ผมได้ทำให้กองทัพเปอร์เซียที่ย่อยยับถูกฝังตราตรึงไว้ด้วยเกียรติทางทหารอย่างเต็มภาคภูมิ
- ตามตำนานโบราณ ผมแน่ใจว่าพวกเขาจะมีทนทางไปสู่คติโลกหน้า ทั้งราษฎดรของผมและชาวเปอร์เซีย
- เชื่อว่าการกระทำของผมไม่เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว
- ข่าวการชนะครั้งแรกของผมได้แพร่สะพัดเหมือนไฟลามทุ่งไปทั่วหัวเมืองกรีกต่างๆ ตามแนวชายฝั่งของ
- เอเชียไม่เนอร์ คนแล้วคนเล่าได้ต้อนรับผมเหมือนผมเป็นผู้ช่วยชีวิต
- ปีต่อมาในฤดูใบไม่ผลิ ผมมาที่กอร์เดียน อันเป็นสถานที่ที่ทหารสามารถพักผ่อนและรวมกองกำลังใหม่
- ตำนานเล่าขานที่เลื่องลืออันหนึ่งของเมืองนี้ก็คือ ปมกอร์เดียน โดยกษัตริย์กอร์เดียนแห่งฟริเจียได้ผูดไว้กับ
- เทียมแอกรถลาก ปมนี้ใหญ่มากพันกันยุ่งเสียจนไม่มีใครเคยคลายปมออกได้ ตำนานได้เล่าขานว่าคนที่
- สามารถคลายปมออกได้ วันหนึ่งจะกลายเป็นจักรพรรดิแห่งเอเชีย คนนับร้อยพยายามจะทำให้ได้ แต่ก็คว้าน้ำเหลว
- เป็นเรื่องปกติ ทันทีที่ผมได้ยินตำนานนี้ผมตั้งใจที่ะคลายปมนี้ให้ได้ เรื่องนี้เป็นจริงตามตำนานที่จะจุดไฟ
- จินตนาการของผู้คน โดยทำให้การพิชิตนั้นง่ายยิ่งขึ้น
- เมื่อผมมาเจอปมที่ว่านี้ ผมได้ครุ่นคิดถึงความใหญ่โตโอฬารของงานที่จะต้องทำที่อยู่ตรงหน้า ปมนี้เกิด
- จากบ่วงนับร้อย โดยแต่ละปมจะซ้อนเป็นสองเท่าของเส้นผ่านศูนย์กลาง ซึ่งหนาขนาดลำตัวของบิวเซฟาลุส
- เชือกที่ใช้ผูกปมหนาเท่าข้อเท้าผมทีเดียว ผมคิดคำนึ่งถึงสถานการณ์นี้อยู่ครู่หนึ่งด้วยความนิ่งเงียบ ผมรู้ว่า
- เป็นไปไม่ได้ที่คลายปมด้วยมือเปล่า เนื่องจากความหนาทำให้เชือกเหนียวและขดแน่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น