วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

ตอนที่ 6 การชำระบาป

ตอนที่ 6 การชำระบาป
มนุษย์นั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากที่เคยรู้สึกมาก่อน การเป็นพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่แข็งแกร่งและไม่ยินยอม
ต่อใคร เป็นการแขวนชีวิตเหมือนเสือที่อยู่กับเหยื่อตอนช่วงเวลาแห่งความตายผมรู้สึกเพ้อคลั่งเหมือนไข้ขึ้นผม
ไม่รับรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆตัวอีก สิ่งทั้งหมดที่ผมรู้ก็คือว่า ชีวิตที่ขมขื่นและหวานชื่นกำลังจะจากผมไปอย่าง
ช้าๆ เหมือนน้ำที่ระเหยตัวไปภายใต้แสงอาทิตย์ ผมได้พยายามไขว่คว้าชีวิตนี้ไว้อย่างสิ้นหวัง ทั้งๆที่ผมต้องทุกข์
ทรมาณ ผมก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ ยังมีดินแดนมากมายที่ผมจะไปพิชิตครอบครองและผมต้องชนะในการรบ แต่
ลมหายใจกำลังทำให้ผมอ่อนล้า และใจของผมเต้นเหมือนปีกของนกแก้วที่แสนจะอ่อนแอและอ่อนเปลี้ยที่จะกระพือปีก


ผมรู้สึกเหมือนถูกผลักเล็กน้อย แล้วในทันไดนั้นผมก็หลุดออกจากร่างไป ผมไม่ได้หายใจ แต่ดูเหมือนว่าผมไม่
จำเป็นต้องหายใจอีกต่อไปแล้ว ร่างกายของผมเบาสบาย แล้วความเฉื่อยชาก็ได้ผ่านเข้ามาในความรู้สึก อาการ
ไข้ของผมได้หายไปพร้อมกับความเจ็บปวดทั้งหมดของร่างกายที่ต้องทนทุกข์อยู่เป็นเวลานาน ตอนนั้นผมไม่ได้
สนใจว่าตัวเองเป็นใคร หรือจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมมีความสุขและพึงพอใจเป็นที่สุด


ผมเริ่มลอยขึ้นอย่างช้าๆ ไปที่เพดานโดยไม่ต้องออกแรง ตรงเบื้องล่างผมเห็นบรรดาแพทย์และขุนนางอำมาตย์
มองดูกายผมที่แน่นิ่งผมได้ยินพวกเขาพูดกัน แต่ผมไมได้สนใจในคำพูดของพวกเขา ผมไม่ได้รู้สึกแปลกแต่
อย่างไดที่เห็นร่างตัวเองอยู่บนเตียง ในขณะที่ตัวเองลอยใกล้กับเพดาน ราวกับว่าผมได้มองดูฉากหนึ่งในละคร
ที่ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตัวผม


ทันใดนั้นเอง ผมรู้สึกว่าถูกผลักอย่างแรงไปที่อีกมุมหนึ่งของเพดาน แล้วผมก็ไได้ยินเสียงกระดิ่งแก้วดังกังวาน
อยู่ในตัวผมร่างกายของผมปกคลุมไปด้วยความมืดที่บรรเทาความเจ็บปวด เมื่อร่างของผมได้มุ่งไปในอวกาศ
และหมดสติไป


เมื่อผมฟื้นคืนสติ ผมผ่านเข้าไปในอุโมงค์แห่งวิญญาณพร้อมกับโจแอ็บและเจเรไม่ การมีชีวิตในชาติก่อนๆ นั้น
ผ่านไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตา ราวกับว่าผมได้กลับชาติไปเกิดอีกที ตอนนั้นผมเข้าใจว่าผมไม่ใช่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์
แต่เป็นแค่วิญญาณอิสระที่ไม่มีเครื่องพันธนาการยึดเหนี่ยว การนึกถึงเวอร์ดิกริสก็ได้แวบเข้ามาหาผมด้วยความ
ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง


ทูตวิญญาณทั้งสองตอบผมอย่างช้าๆ ในทันทีว่า "ยังหรอก"
ผมเลยถามไปอย่างขมชื่นใจว่า "แล้วเมื่อไหร่ ผมต้องรออีกนานเท่าไร"
ทูตทั้งสองคนตอบว่า "มันขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง คุณเสียเวลามานานแล้ว เพราะว่าคุณเพิกเฉยละเลยคำแนะนำที่ได้รับก่อนที่จะไปเกิดแต่ละชาติ"
ผมแย้งไปว่า "ผมไม่ได้เพิกเฉย"
เจเรไม่เตือนไปว่า "ทำไม่คุณปล่อยให้ความยโสและเห็นแก่ตัวครอบงำตัวคุณ ตอนที่คุณมีชีวิตเป็นอเล็กซานเดอร์
พวกเราเคยเตือนคุณแล้วไม่ให้ตกในความหลงเท่านั้้น"

"แต่คุณเคยบอกว่า เมื่อผมได้สัมผัสกับอิทธิพลบนโลกมนุษย์ความทรงจำเรื่องคำสอนของคุณจะจางหายไป"

โจแอ็บแก้กลับไปว่า "นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราได้บอกคุณ สิ่งที่เราพูดก็คือว่า คุณจะขาดการติดต่อกับพวกเรา และไม่
สามารถมองเห็นพวกเราได้เนื่องจากอิทธิพลของโลกมนุษย์ แต่เราได้บอกคุณไปว่า ขณะที่ร่างกายได้ลืมเลือน
คำสอนไปแล้ว แต่วิญญาณจะยังคงจำได้ทุกสิ่งอย่างที่คุณจะลงมือทำนั้น คุณต้องคิดให้รอบคอบก่อนทำ และคำ
สอนที่ฝังจมไว้จะกลับลอยขึ้นมาเป็นตัวนำในการตัดสินใจ แต่คุณได้ทำทุกสิ่งอย่างหุนหันพลันแล่นมาโดยตลอด
ในชีวิต ไม่เคยชั่งน้ำหนักผลลัพธ์ของการกระทำที่โหดเหี้ยม คุณไม่ได้ลืมบทเรียนชีวิตของคุณหรอก แต่คุณเพิก
เฉยมันไปเสีย เพราะว่าอำนาจและความยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์มาบดบังความมีเหตุมีผล เราอาจทำตามความหยิ่งยโส
และเห็นแก่ตัวได้ง่ายมากกว่าที่จะภูมิใจพิจารณาและควบคุมความรู้สึกทางกายได้"


ความทรงจำตอนมีชีวิตเป็นอเล็กซานเดอร์ได้กลับมาหาผมชั่วครู่หนึ่ง พร้อมกับรู้สึกสำนึกผิดอย่างมากต่อการ
กระทำที่โหดร้ายผมจำการกระทำที่โหดเหี้ยมต่อดาริอุส ผมปฏิเสธความปรารถนาของเขาที่ต้องการสงบศึก
และยังจำถึงการที่ดาริอุสตายด้วยน้ำมือคนทรยศอย่างไร้ค่า ความทรงจำของผมที่คลุเคล้าด้วยเลือดยังคงหลั่่ง
ใหลเหมือนสายน้ำตก ที่ไหลท่วมวิญญาณที่ตื่นกลัวของผมมาโดยตลอด ทำให้ผมสำลักความทุกข์กระอักกระอ่วน
ผมยังจำการตัดสินใจที่หยิ่งผยองได้ฆ่าพวกทูตสันติภาพซึ่งแปรพักตร์เข้าร่วมกับกองทัพเปอร์เซีย เพราะผมได้
ตัดสินใจไปว่าพวกเขาเป็นกบฏต่อชาวกรีก หลายปีต่อมาผมก็ยุบกองทัพกรีกทั้งหมด และใช้ชีวิตอย่างชาวเปอร์
เซีย โดยละทิ้งวัฒนธรรมเดิมและรากเหง้าของตนเอง นับเป็นความเพิกเฉยและเห็นแก่ตัวต่อประชาชนของผม
แต่สิ่งที่ผมเจ็บปวดขมขื่นใจมากที่สุดก็คือ การตายของไคลทุสและพาร์เมนิโอที่รุนแรงยากเกินกว่าจะรับได้ ผม
เข้าใจแล้วว่า โจแอ็บและเจเรไม่พูดถูกต้อง ตลอดเวลาที่ผมเกิดเป็นอเล็กซานเดอร์ ผมได้กระทำสิ่งต่างๆลงไป
ด้วยความจำเป็นบังคับ และการกระทำเหล่านั้นเกิดจากความเห็นแก่ตัว คำสอนต่างๆ ที่ทูตวิญญาณสังสอนผม
นั้นผมไม่เคยลืมเลือนเลย คำสอนทุกอย่างได้ซึมซาบอยู่ในจิตวิญญาณผม และผมเองก็ได้รู้ถึงสิ่งที่ถูกจากสิ่งที่ผิด
สิ่งนี้เป็นความหยิ่งและจองหองทรนงที่ผมกระทำในขณะที่เป็นอเล็กซานเดอร์ไม่ได้เป็นเพราะความเพิกเฉิยต่อ
กฎแห่งพระเจ้า


ผมร้องคร่ำครวญอย่างชื่นว่า "ยกโทษให้ผมด้วย ผมรู้ซึ้งถึงความผิดอันมหันต์ ผมสมควรได้รับโทษสถานหนักที่สุดสำหรับการกระทำชั่วของผม"
เจเรไมพูดอย่างเศร้าๆว่า "ทำไมคุณยังคิดถึงเรื่องการลงโทษอยู่อีก ไม่มีการลงโทษหรอก วิญญาณแต่ละตนจะ
ผ่านภพชาติหลายครั้งเพื่อเรียนรู้ชีวิต การเรียนรู้ชีวิตใหม่ แต่เนื่องจากมีกิเลสที่เกาะหนาและชั่วช้า การชำระบาป
จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะวัดว่า วิญญาณตนใดได้ทำให้ตนเองแย่ลง วิญญาณจะอยู่ร่วมกันและบางทีก็อาจจะเป็นผู้
ชำระบาปให้กับวิญญาณอีกตนหนึ่ง เพื่อให้เกิดผลต่อการชำระบาป วิญญาณบางตนได้พัฒนารวดเร็วกว่าวิญญาณ
ตนอื่นจากการค้นหาประสบการณ์ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาจะกลับมายังแสงแห่งพระเจ้าเมื่อพวกเขาได้ถือกำเหนิด
เมื่อวิญญาณใดก็ตามลงไปติดกับในการมีตัวตนในโลกมนุษย์อย่างเหนียวแน่น โดยฝ่าฝืนกฎแห่งจักรวาลข้อใด
ข้อหนึ่งหรือหลายข้อเรื่อยๆ นั้น จะต้องได้รับการชำระบาป และกลับไปเกิดใหม่ใช้ชาติอยู่นาน ดังนั้นนี่เป็นเหตุ
ผลที่ว่าความโศกเศร้าและการยอมสละตนเองเป็นบทเรียนสำคัญ ตราบที่คุณได้ละหนีบทเรียนชีวิต ก็เหมือนกับ
ว่าคุณได้ปฏิเสธการชำระบาป"


"ผมต้องเกิดมากกว่านี้กี่ชาติ ก่อนที่ผมจะได้รับการชำระบาปจากการเกิดเป็นอเล็กซานเดอร์"

เปลวรัศมีจากทูต 2 คนค่อยๆริบหรี่ทีละน้อย แล้วคำตอบจากทูตทั้ง 2 คน ก็ปรากฏขึ้นในทันทีว่า

"เป็นสิ่งถูกต้องแล้ว ตอนที่คุณเป็นอเล็กซานเดอร์ คุณได้กระทำความผิดมากมาย แต่คุณก็สร้างคุณงามความดี
ไว้่มากเช่นกันวิสัยทัศน์และความเมตตากรุณาของตัวคุณ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างวัฒนธรรม
2 ชาติที่แตกต่างกันได้ และคุณก็ช่วยให้เกิดการวิวัฒนาการของอนุชนรุ่นหลังในอนาคตได้อย่างมหาศาล สิ่ง
เหล่านี้ก็ควรแก่การยึดถือไว้พิจารณาด้วยเช่นกัน"


แต่สิ่งที่ผมต้องชดใช้ไปชั่วชีวิตก็คือ การทีผมได้ฆ่าดาริอุส ไคลทุส และพาร์เมนิโอ

"คนที่คุณฆ่าในระหว่างสู้รบเป็นผลมาจากการต่อสู้ระหว่างศัตรูที่ต้องทำลายล้างซึ่งกันและกัน ผู้ที่อ่อนแอกว่า
ต้องล่าถอยออกไปเพื่อให้ผู้ที่แข็งแรงที่สุดมีชีวิตรอดต่อไป ถ้าคุณไม่ฆ่าเหล่าศัตรู พวกเขาก็จะฆ่าคุณ ทั้งคุณ
และศัตรูรู้สิ่งนี้ดีในสมรภูมิรบ ดังนั้นคุณจึงพ้นจากความรับผิดชอบต่อกันในเรื่องการตายของทั้ง 2 ฝ่าย การ
ตายของดาริอุสก็จัดอยู่ในประเภทนี้ด้วย ไคลทุสและพาร์เมนิโอนั้นเป็นเหยื่อของความหยิ่งจองหอง และความ
เห็นแก่ตัวของคุณ การกระทำนี้ต้องได้รับการชดใช้และชำระบาป ความพินาศย่อยยับที่คุณเหลือยามมีชีวิตอยู่
และทั้งความโอ้อวดทะนงตัว ความหยิ่งยโสก็ต้องถูกลบล้างด้วยเช่นกัน เพื่อให้วิญญาณได้พัฒนาตามวิถีทาง
แห่งการวิวัฒนาการ ส่วนจะระยะเวลานานเท่าไหร่นั้นย่อมขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง"


คำพูดของทูตทั้งสองคนทำให้ผมรู้สึกอิ่มเอิบด้วยความสุขใจแม้ว่าผมจะรู้สึกขมขื่นใจ แต่ผมก็มีความหวังที่จะ
ชำระบาปเนื่องจากเป็นจุดหมายสุดท้ายของวิญญาณ


"ผมจะพยายามปฏิบัติหน้าที่ตนเองให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด เท่าที่ผมจะทำได้ ผมจะถอดความโศกเศร้า และเสียสละ
ตนเองเพื่อเป็นเพื่อนที่ล้ำค่าที่สุด ผมจะยอมรับต่อบทเรียนชีวิตและจะไม่ลืมเลือนไปได้เลย"


โจแอ็บกล่าวว่า "ในชาติหน้า คุณจะพบกับวิญญาณของพาร์เมนิโอและไคสทุส ซึ่งคุณจะต้องชดใช้การกระทำ
อันชั่วร้ายที่คุณได้ทำกับพวกเขาไว้ พวกเขาจะเป็นผู้ชำระบาปให้แก่คุณในชาติใหม่และคุณก็จะได้ชำระบาป
จากการกระทำอันเลวทรามของพวกเขาแต่นี่ก็แล้วแต่การตัดสินใจของคุณ คุณพร้อมใจที่จะยอมรับการเกิดใหม่
หรือยัง คุณอาจจะเจอเหตุการณ์ที่เจ็บปวดแสนสาหัสกว่าทุกชาติที่ผ่านมาทั้งหมด"


ผมตอบอย่างทันควันว่า "ผมเต็มใจครับ เพื่อที่จะได้เริ่มการผจญภัยในชีวิตครั้งใหม่"

เจเรไม่พูดอย่างหนักแน่นเอาจริงเอาจังว่า "งั้นก็ดีแล้ว โลกมนุษย์จะถูกเลือกให้เป็นสถนที่ที่คุณจะใช้ชีวิตทาง
โลก ในช่วงระยะเวลาการพัฒนาจิตวิญญาณที่เหลืออยู่ โลกมนุษย์อาจจะเป็นสถานที่ยุ่งยากซับซ้อนมากที่สุด
ต่อวิญญาณที่ต้องการเอาชนะความยั่วยวนของกิเลสตัณหา นี่เป็นเหตุผลที่อธิบายว่า การเกิดทุกๆ ชาติบนโลก
มนุษย์จะเป็นการทดสอบครั้งสำคัญของวิญญาณ ถ้าคุณสามารถเอาชนะสัญญาณเบื่องต่ำของร่างกายที่เป็นมนุษย์
ได้ คุณก็จะพัฒนาได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และจะพบเวอร์ดิกริสได้เร็วขึ้นด้วย"


"แล้วผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่า บทเรียนที่ผมได้เรียนรู้จะถูกเลิกล้มในการกลับชาติเกิดใหม่"

โจแอ็บตอบว่า "จงปฏิบัติหน้าที่ตนเองจากวิญญาณของคุณไม่ใช่จากร่างกาย ร่างกายเป็นสิ่งไม่เที่ยงและไม่คง
ทนถาวร ร่างกายเป็น ภาพลวงตาของความรู้สึก อย่าปล่อยให้สิ่งนี้ครอบครองวิญญาณคุณ"


"แล้วผมจะทำสำเร็จได้อย่างไรกัน"
เจเรไม่กล่าวเสริมว่า "เพียงคุณเป็นตัวของตัวเอง คุณก็จะสามารถควบคุมกิเลสได้ คุณพักผ่อนเสียเถอะ เมื่อคุณตื่น คุณจะกลับไปยังโลกมนุษย์"


ผมเข้าสู่ภวังค์ที่หลับไหลอย่างช้าๆอันเป็นเวลาที่วิญญาณมีพลังขึ้นมาใหม่ก่อนที่จะมีชีวิตใหม่ โดยยอมให้ได้อยู่
ในแสงสว่างที่ส่องไสวไปยังอุโมงค์แห่งวิญญาณคล้ายกับกลุ่มเมฆที่สว่างไสวเรืองรองรอบตัวผมนั้นมีร่างวิญญาณ
ที่เบาหวิวลอย เป็นแสงไฟที่แผ่ออกไปอย่างสิ้นสุด เหล่าวิญญาณต่างพอใจกับความสุขช่วงสั้นๆ จากการพักผ่อน
ของวิญญาณ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น