วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560

การปรับปรุงโครงข่ายแม่เหล็กโลกกับการ Upgrade DNA และการรู้แจ้งของมนุษย์

ข้อความจากต่างมิติ - การปรับปรุงโครงข่ายแม่เหล็กโลกกับการ Upgrade DNA และการรู้แจ้งของมนุษย์

บางส่วนของข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon) เรื่อง: โครงผลึกของเอกภพ (The Cosmic Lattice) – Part 2
วันที่สื่อสาร: เดือนพฤศจิกายน 1998, ผู้รับสาส์น: Lee Carroll

ตอนที่: 7

พวกเราเคยบอกพวกคุณไปหลายครั้งแล้ว ในช่วงที่มีการสื่อสารข้อความชุดที่ชื่อว่า “ครอบครัว” (Family) ว่า..พวกคุณทุกๆคนล้วนถูกสร้างขึ้นมาให้มีความเท่าเทียมกันทั้งหมด และมีความสมบูรณ์แบบ และมีชีวิตนิรันดร์เสมอเหมือนกันหมด มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่สกัดกั้นพวกคุณเอาไว้จากสิ่งเหล่านี้ ซึ่งนั่นก็คือ “ความเป็นทวิภาวะ” (duality) และความไร้ประสิทธภาพของร่างกายเนื้อของพวกคุณเองเท่านั้นเอง แต่ว่าทั้งหมดนี้ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ด้วยการทำให้การสื่อสารระหว่างโครงสร้างคริสตัลไลน์ และ DNA ของพวกคุณ มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่านี้ ซึ่งเมื่อใดที่การถ่ายทอดข้อมูลจากหน่วยความจำของโครงสร้างคริสตัลไลน์ ไปสู่ชุดของรหัสข้อมูลที่อยู่ภายใน DNA ของพวกคุณ มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่านี้แล้ว ร่างกายของพวกคุณก็จะตอบสนองตามไปด้วย ซึ่งคำว่าร่างกายในที่นี้ พวกเราหมายรวมถึง ความเป็นมนุษย์ทั้งมนุษย์นี้เลยทีเดียวนะ

พวกเราอยากจะบอกพวกคุณว่า ทำไมการติดต่อสื่อสารดังกล่าวนั้น จึงกำลังจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว นั่นก็เพราะว่ามันเป็นผลพวงจากการปรับปรุงตำแหน่งใหม่ของระบบโครงข่ายแม่เหล็กโลกหนะสิ นั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงได้กำลังย้ายมันอยู่ในขณะนี้ และทำไมกลุ่มของพวกเราถึงได้เข้ามาที่นี่ในปี 1989 ตอนนี้พวกคุณเข้าใจแล้วใช่ไหม๊

(ข้อความสื่อสารนี้สื่อสารมาตั้งแต่ปี 1998 แต่ครายออนและทีมงานได้ทำการย้ายโครงข่ายแม่เหล็กโลกเสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่ปี 2002 แล้วหลังจากนั้น ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะครับ จากข้อความของท่านเมตาตรอน ก็ได้คอยบอกเอาไว้อีกว่า “โครงข่ายแม่เหล็กโลก” นี้ ได้ถูก upgrade ขึ้นไปอีก ให้กลายไปเป็น “โครงข่ายคริสตัลไลน์” และเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2012 เหลือก็แต่เพียงการรอให้มันมีศักยภาพกลับคืนมาทั้ง 100% และมี “เส้นขอบฟ้า” (the Firmament) ทั้งสองเส้น กลับมาเหมือนเดิมในปี 2038 เท่านั้นเอง – ผู้แปล)

ยังจำได้ไหมว่าพวกเราเคยบอกพวกคุณไปว่า ไม่มีมนุษย์โลกคนใดเลยที่จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้นอกโครงข่ายแม่เหล็กโลกนี้ เพราะว่าโครงข่ายแม่เหล็กโลกนี้คือสิ่งที่ทำให้การติดต่อสื่อสารดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นได้ และก็คือสิ่งที่ทำให้ความเป็นทวิภาวะของพวกคุณมีอยู่ และก็คือสิ่งที่จะทำให้การรู้แจ้งของพวกคุณเกิดขึ้นได้ เพราะว่าถ้าปราศจากโครงข่ายแม่เหล็กโลกอันนี้แล้ว มันก็จะไม่มีการติดต่อสื่อสารที่ว่านั้นเกิดขึ้น ซึ่งสักวันหนึ่งการทดลองในอวกาศของพวกคุณก็จะแสดงให้พวกคุณเห็นถึงเรื่องนี้ เพราะว่ามนุษย์โลกจะต้องอาศัยอะไรบางอย่าง ที่มีองค์ประกอบเป็นแม่เหล็กเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในนั้น ซึ่งถ้าหากปราศจากมันแล้ว ภายในระยะเวลาไม่นาน ซึ่งอาจจะเป็นหลายเดือนหรือหลายปีก็ตาม มนุษย์โลกคนนั้นก็จะตาย

พวกคุณรู้ไหมว่า ธาตุต่างๆบนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ ที่พวกมันมาอยู่ด้วยกันก็เพื่อที่จะก่อให้เกิดชีวิต? ลองดูที่ดาวเคราะห์โลกของพวกคุณเองสิ พวกคุณคิดว่าพวกคุณก็แค่สามารถเดินอยู่บนโลกได้, อาศัยอยู่บนโลกได้ และก็หวังแค่ว่าโลกจะอยู่ของมันไปตามประสา ในขณะที่พวกคุณกำลังอยู่ที่นี่ยังงั้นเหรอ? มันรู้นะว่าพวกคุณเป็นใคร เหมือนอย่างที่ฉันรู้นี่แหละ และก็อย่างที่โครงข่ายแม่เหล็กโลกรู้นี่แหละ เพราะว่าดาวเคราะห์โลกก็มีภูมิปัญญาด้วยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ดาวเคราะห์โลกจึงมีความเกี่ยวข้องกับ “การรู้แจ้ง” (enlightenment) ของพวกคุณเองด้วย ลองถามชนพื้นเมืองที่อยู่มาก่อนพวกคุณดูสิ เพราะว่าในแก่นแท้ของความเชื่อด้านจิตวิญญาณของพวกเขาแล้ว พวกเขาจะให้ความเคารพต่อ “ดิน” บนพื้นโลกอย่างมาก เพราะว่าพวกเขารู้เรื่องนี้

มันยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของโครงข่ายแม่เหล็กโลกอยู่อีกมากมาย ซึ่งมันก็จะไปโยงใยเกี่ยวข้องกับโครงสร้างคริสตัลไลน์อีกชุดหนึ่งด้วย ซึ่งพวกเราจะขอพูดถึงมันทีหลังในการสื่อสารชุดอื่น

(หมายเหตุ: ข้อมูลเกี่ยวกับการสื่อสารของโครงข่ายแม่เหล็กโลกที่ครายออนกล่าวถึงนี้ ผมได้แปลและโพสต์เอาไว้แล้ว ในชื่อชุด “ข้อความจากต่างมิติ-ระบบบันทึกแห่งฟ้า-akashic-system-โดยครายออน” ซึ่งอยู่ในลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ – ผู้แปล)


DNA ของพวกคุณ (ทั้ง 12 เกลียว) จะมีชุดรหัสคำสั่งอยู่ในนั้น เพื่อให้ร่างกายเนื้อของพวกคุณมีอายุขัยอยู่ได้นานถึง 905 ปี แต่ในขณะนี้ รหัสเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วไม่ทำงาน และที่รหัสเหล่านี้ไม่ทำงานก็เพราะว่า มันไม่มีข้อมูลข่าวสารจากหน่วยความจำหลัก (โครงสร้างคริสตัลไลน์) มาสั่งการให้มันทำงาน ซึ่งภายในหน่วยความจำหลักดังกล่าวนี้ จะมีข้อมูลข่าวสารที่จะช่วยให้สารเคมีใน DNA ของพวกคุณ “จำได้” ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องทำงานอย่างไรอยู่

ในตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณในที่สุดแล้วพวกเขาก็เริ่มที่จะสามารถกระตุ้นหรือแหย่ร่างกายเนื้อของพวกคุณได้แล้ว และพวกเขาก็เริ่มที่จะสามารถสร้างสภาวะเทียมเพื่อกระตุ้น DNA ของพวกคุณได้แล้ว พวกเขาใช้พลังงานแม่เหล็ก! ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้ในแง่ของสุขภาพแล้ว มันคือการหวนกลับมาอย่างแท้จริงของกระบวนการที่เคยถูกใช้ใน “วิหารแห่งการกลับคืนสู่ความอ่อนเยาว์” (Temple of Rejuvenation) ซึ่งพวกเราเคยบอกพวกคุณไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง 

(หมายเหตุ: อ่านรายละเอียดของ “วิหารแห่งความเป็นหนุ่มสาว” (Temple of Rejuvenation) ได้ในลิงค์ข่างล่างนี้นะครับ – ผู้แปล)


พลังงานแม่เหล็กและพลังงานของโครงผลึกของเอกภพนี้ คือสิ่งที่ช่วยทำให้เกิดความเป็นทวิภาวะขึ้น และก็คือสิ่งที่จะช่วยในเรื่องของการรู้แจ้งของพวกคุณเองด้วย และมันก็ยังช่วยทำให้หน่วยความจำคริสตัลไลน์ของพวกคุณอยู่ในสภาวะสมดุลอยู่เสมออีกด้วย ซึ่งในตอนนี้มันกำลังอยู่ในโหมดไร้ประสิทธิภาพอยู่ ตามที่พวกคุณได้ออกแบบมันเอาไว้ให้กับตัวเอง เพื่อใช้เป็นบททดสอบบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ แต่ว่าในตอนนี้..หลายสิ่งหลายอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว

มีบางคนที่กำลังอยู่ในห้องนี้ (พูดถึง ดร. Todd Ovokaitys และ Peggy Dubro) ที่กำลังค่อยๆค้นพบแล้วว่า โครงผลึกของเอกภพนี้ มีความเชื่อมโยงกับเซลในร่างกายเนื้อของมนุษย์อยู่ คนหนึ่งกำลังค้นพบมันผ่านทางวิชาฟิสิกส์ ส่วนอีกคนหนึ่งกำลังค้นพบมันผ่านทางพลังอำนาจของความรู้และความตั้งใจของมนุษย์อยู่ แต่ว่าทั้งสองคนนี้ก็กำลังทำงานอยู่กับพลังงานแม่เหล็กระดับใดระดับหนึ่งด้วยกันทั้งคู่! และในทั้งสองกรณีนี้ สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ ตอนนี้ DNA กำลังเริ่มที่จะจดจำได้แล้ว! ประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสารของมันกำลังค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว และเพราะเหตุนี้เอง ชิ้นและส่วนต่างๆที่ซุกซ่อนอยู่ของ DNA ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับด้านจิตวิญญาณและด้านชีววิทยา จึงกำลังค่อยๆตื่นขึ้นมาแล้ว พวกคุณจำได้ไหมว่าคำว่า “ตื่นขึ้น” ในที่นี้หมายถึงอะไร? มันก็หมายความว่าความรู้ทั้งหมดทั้งมวล มันมีอยู่ในนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันแค่หลับไหลอยู่เท่านั้นเอง กลไกต่างๆของมันก็มีอยู่ในนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันกำลังรอคอยคำสั่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง 

ฉันขอยกตัวอย่างอะไรให้ฟังสักหน่อยว่า: เซลทุกเซลในร่างกายเนื้อของพวกคุณ ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถวินิจฉัยตัวเองได้ทั้งสิ้น เซลทุกเซลในร่างกายของพวกคุณ ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถรู้ได้ด้วยตัวมันเองว่ามันกำลังอยู่ในความสมดุลกับส่วนรวมทั้งหมดดีอยู่แล้วหรือไม่ เซลทุกเซลในร่างกายของพวกคุณมันสมควรที่จะรู้เรื่องนี้ได้เอง แต่ว่า..กลับมีข้อมูลข่าวสารหลายอย่างที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ไม่ให้มันรู้อยู่ มันจึงไม่รู้ ดังนั้น โรคชนิดหนึ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “โรคมะเร็ง” นั้น มันจึงสามารถหลอกลวงเซลในร่างกายของพวกคุณได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเซลในร่างกายส่วนที่กำลังทำงานได้แย่ๆอยู่ ซึ่งถ้าเซลในร่างกายส่วนนี้ของพวกคุณสามารถทำงานได้อย่างเหมาะสมดีแล้วหละก็ โรคมะเร็งก็จะไม่เกิดขึ้น

องค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของการตื่นขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งที่ว่านี้ก็คือ “การแต่งงานกัน” ระหว่างหน่วยความจำหลักของโครงสร้างคริสตัลไลน์ กับส่วนที่เป็นชุดรหัสข้อมูลใน DNA ของพวกคุณ โดยอาศัยอำนาจแม่เหล็กเป็นสื่อ และเมื่อใดที่เซลในร่างกายของพวกคุณสามารถรับรู้ข้อมูลส่วนที่เหลือได้ทั้งหมดแล้ว มันก็จะไปทำให้เซลเหล่านั้นมีภูมิปัญญาและมีความรู้อย่างเต็มพิกัด จนมันสามารถวินิจฉัยตัวมันเองได้ แล้วมันก็จะรู้ตัวเองว่ามันกำลังเสียสมดุลอยู่ แล้วมันก็จะไม่แบ่งเซลอีกต่อไป ดังนั้น จึงจะมีเพียงเซลที่มีสุขภาพดีที่อยู่รอบๆมันเท่านั้น ที่จะแบ่งเซลต่อไปได้ และนอกจากนี้ เซลที่กำลังเสียสมดุลอยู่นั้น มันก็อาจจะฆ่าตัวตายไปเองเลยก็ได้! นั่นแหละคือสิ่งที่ถูกออกแบบมาทั้งหมดหละ จงมองหามัน เพราะว่าเรื่องนี้มันเป็นคุณสมบัติทางชีววิทยาที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว ลองคิดถึงมันในแง่ของการมีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมากดูสิ แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของคุณลักษณะทั้งหมดที่มีอยู่ในพิมพ์เขียวของ “มนุษย์ทั้งคน” เท่านั้นเองนะ

พวกคุณบางคนที่กำลังฟังและกำลังอ่านข้อความนี้อยู่ อาจจะคิดว่าพวกเรากำลังพูดถึงเรื่องวิทยาศาสตร์ล้วนๆอยู่ แต่ว่ามันไม่ใช่เลย เพราะว่าอันที่จริงแล้ว พวกเรากำลังพูดถึงเรื่องการเยียวยารักษาตัวเองของร่างกายเนื้อของพวกคุณอยู่ พวกเรากำลังพูดถึงเรื่องการมีอายุขัยที่ยืนยาวอยู่ และพวกเราก็กำลังพูดถึงเรื่องกระบวนทัศน์ด้านชีววิทยาของมนุษย์โลก ที่กำลังจะเปลี่ยนไปสู่กระบวนทัศน์ใหม่เอี่ยมอย่างสิ้นเชิงอยู่! เพราะว่า..ไม่ว่าจะโดยอาศัยเจตจำนงของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของมนุษย์โลกเองก็ตาม หรือว่าโดยอาศัยการกระตุ้น หรือช่วยเหลือทางกายภาพ เช่น โดยใช้สารเคมี หรือใช้กลไกทางฟิสิกส์ก็ตาม ตอนนี้ DNA ของพวกคุณก็ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงได้แล้ว และที่รักทั้งหลาย นั่นแหละคือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรหัส 11:11 หละ! เพราะว่ามันคือคำตอบว่า “Yes” ของพวกคุณ สำหรับเรื่องที่พวกเรากำลังพูดถึงอยู่นี้

จงเฉลิมฉลองให้กับมัน! และจงฟังให้ดีนะว่า เมื่อใดที่การติดต่อสื่อสารระหว่างโครงสร้างคริสตัลไลน์ กับ DNA ของพวกคุณ เป็นไปอย่างใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว พวกคุณก็จะสามารถสร้างกระดูกขึ้นมาเองได้ จากเดิมที่มันไม่มีมาก่อน (เช่น ในกรณีที่ขาขาด แขนขาด เป็นต้น ก็จะสามารถงอกแขน งอกขาขึ้นมาใหม่ได้ – ผู้แปล) เพราะว่าพวกคุณจะสามารถสร้างสสารขึ้นมาเองได้, พวกคุณจะสามารถทำให้โรคภัยไข้เจ็บหายไปจากร่างกายเนื้อของตัวเองได้! และเซลในร่างกายของพวกคุณก็จะมีภูมิปัญญามากขึ้นด้วย และเมื่อใดที่พวกคุณสามารถทำให้ร่างกายเนื้อของตัวเองยกระดับขึ้นได้ขนาดนี้แล้ว ปาฏิหาริย์ก็จะเกิดขึ้นจากภายใน! 

นักบำบัดทั้งหลาย พวกคุณกำลังฟังอยู่ไหม๊? ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณกำลังทำอยู่ในงานของตัวเองนั้น ล้วนเป็นไปเพื่อช่วยให้คุณสมบัติทางชีวภาพทั้งสองส่วนนี้มาเจอกัน ภายในเซลร่างกายของผู้ที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าพวกคุณ เพื่อขอให้พวกคุณรักษาให้อยู่ แล้วทำไมบางคนถึงหายป่วย แต่ว่าบางคนถึงไม่หายหละ? 

คำตอบมันซับซ้อนมาก แต่ว่าหนึ่งในตัวกระตุ้นหลักของการหายป่วยแบบปาฏิหาริย์ก็คือ “เจตจำนงบริสุทธิ์” (pure intent) ดังนั้น ครั้งต่อไปถ้าพวกคุณจะทำการรักษาโรคให้ใครอีก ต้องแน่ใจซะก่อนว่าคนๆนั้นมีเจตจำนงที่จะหายป่วยจริงๆหรือไม่ ต้องแน่ใจซะก่อนว่า พวกเขามีความเข้าใจจริงๆว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่พวกเขายอมให้พวกคุณรักษาพวกเขาได้อย่างแท้จริงๆแล้ว และเมื่อพวกเขามีความตั้งใจที่จะหายป่วยจริงๆแล้ว การหายป่วยก็จะเกิดขึ้น 

(หมายเหตุ: คำว่า “ความตั้งใจที่จะหายป่วยจริงๆ”ในที่นี้ หมายรวมถึง ความตั้งใจในระดับจิตวิญญาณด้วย เพราะว่าตามนัยยะของข้อความจากต่างมิติทั้งหลายแล้ว พวกเขาพูดตรงกันว่า ในหลายๆกรณีมันก็จะเกี่ยวข้องอยู่กับ “พันธะสัญญาทางจิตวิญญาณ” ของคนๆนั้นด้วย เช่น ชาวโลกบางคน ก็อาจจะเขียนบทละครชีวิตของตัวเองเอาไว้ ตั้งแต่ก่อนลงมาเกิดว่า จะตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บชนิดนั้นชนิดนี้ ส่วนบางคนก็อาจจะเขียนบทละครชีวิตของตัวเองเอาไว้ว่า จะป่วยด้วยโรคร้ายบางชนิด เพื่อที่จะใช้มันเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของตัวเอง เพื่อสนองตอบต่อวิวัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณของตัวเอง และบางคนก็อาจจะเขียนบทละครเอาไว้ว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะโรคอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะให้ตัวเองเป็นแรงกระตุ้นวิวัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณของผู้คนรอบข้าง เป็นต้น – ผู้แปล)

บางส่วนของการบำบัดรักษาที่มีความสวยสดงดงามมากที่สุด บนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณในขณะนี้ก็คือ การบำบัดรักษาระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกันเอง ในแบบที่ไม่มีใครสัมผัสแตะต้องใครเลย มันลึกล้ำมาก มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก และมันก็คือการเชื่อมต่อกับโครงผลึกของเอกภพด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว นี่จึงคือคำอธิบายว่า พลังงานแห่งการบำบัดรักษาอันนั้นมาจากไหน เพราะว่าผู้ที่ส่งพลังงานแม่เหล็กทั้งหมดนี้ไปให้กับผู้ป่วยจริงๆก็คือ โครงผลึกของเอกภพนั่นเอง และเมื่อพวกคุณเข้าใจแล้วว่าสนามแม่เหล็กทั้งหลายมาจากไหน พวกคุณก็จะรู้ว่าฉันกำลังพูดถึงอะไรอยู่ เพราะว่าสนามแม่เหล็กเหล่านี้คือคุณสมบัติอย่างหนึ่งของสสารและของโครงผลึกเอกภพนั่นเอง
..........................................


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
..........................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น