วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559

ตอนที่ 3 คู่แท้ต่างภพ




ตอนที่ 3 คู่แท้ต่างภพ
  • วิญญาณมากมายต้องกลับมาเกิดในหลายชีวิตและหลายภพชาติ เพื่อต้องการชำระบาป สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าวิญญาณเกิดหลายชาติเหมือนกันและเวลาที่ตรงกันในโลกวิญญาณ วิญญาณบางตนต้องการกลับมาเกิดใหม่หลายครั้งมากกว่าวิญญาณอื่นๆเพื่อทำให้วัฏจักรการเรียนรู้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ การที่่วิญญาณไม่สามารถเรียนรู้บทเรียนใดบทเรียนหนึ่งวิญญาณต้องมาเกิดใหม่เหมือนชาติเดิมๆ หลายครั้งจนกว่าบทเรียนพิเศษที่ว่านี้จะได้ถูกกระทำโดยสมบูรณ์


  • ดังที่ผมได้กล่าวมาก่อนแล้วนั้น บทเรียนชีวิตที่หนักหนาสาหัสที่สุดที่ผมต้องเจอก็คือ ความโศกเศร้าทุกข์ระทมตลอดช่วงหลายร้อยปีนับไม่ถ้วน ผมจำต้องเกิดมาในช่วงที่แตกต่างกัน และเผชิญเหตุการณ์ที่ทรมานใจและการฆ่าตัวตายจากทีตนเองพยายามที่จะหลบหนีในสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้


  • ความสิ้นหวังที่ทำให้ตัวเองฆ่าตัวตายบนดาวเฟอร์ซาห์นั้นเป็นบทเรียนราคาแพง ตอนผมตายผมรู้แต่เพียงว่าผมได้ตกลงไปในสิ่งที่ผมอยากจะอธิบายว่าเป็นการหลับที่สนิท หลังจากนั้นผมก็ตื่นด้วยความรู้สึกที่มีแรงและมีพลังงานใหม่ทดแทน ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าตนเองหลับไปนานเท่าไร และไม่รู้จักสถานที่ที่ตนเองฟื้นขึ้นมาเลย ต่อมาผมรู้ว่าได้นอนเป็นเวลา 2,000 ปีในเวลาโลกมนุษย์ และเป็นสถานที่ซึ่งผมรู้ว่าตัวเองคือ วิญญาณในภพที่สองของโลกวิญญาณ
  • สิ่งแรกที่ผมเห็นเมื่อตื่นขึ้นมานั่นก็คือ ผมหงายตัวลอยบนท้องฟ้าอวกาศที่กว้างใหญ่ ร่างของผมเหมือนมีชีวิตในดาวเฟอร์ซาห์ผมได้พบวิญญาณ 2 ตนที่ไม่รู้จักมาก่อน ทั้งสองตนถูกห่อหุ้มด้วยหมอกควันที่สว่างโร่ จากคำพูดที่สะท้อนจากใจผมนั้น พวกเขาบอกผมว่าเขาสองคนเป็นฑูตทางวิญญาณของผม โดยพวกเขาเป็นวิญญาณที่ได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้า เพื่อช่วยปรับตัวกับภพใหม่ของผมเอง คำถามต่างๆ ที่ถูกเผาไหม้เสมือนเม็ดไฟประทุในจิตใจผมนั้นได้รับคำตอบก่อนที่ผมจะพูดเสียอีก จากการติดต่อทางโทรจิตผมได้รับรู้การดับชีวิตตนเองบนดาวเฟอร์ซาห์ไม่ได้ถูกลงบันทึกไว้ใน Trianic Record เนื่องจากการกระทำที่หุนหันพลันแล่นนั้นสืบเนื่องมาจากความรักต่อผู้อื่น และความรักเป็นสิ่งสูงสุดในจักรวาล แต่ฑูตทั้งสองอธิบายต่อไปว่า บทเรียนที่ผมปฏิเสธนั้นผมจะยังคงต้องเรียนรู้อยู่เหมือนเดิม
  • พวกเขาได้อธิบาย "The Trianic Record" เป็นรายชื่อบัญชีการละเมิดฝ่าฝืนกฎสำคัญแห่งจักรวาล 3 ข้อ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณอิสระหรือการกลับชาติมาเกิด กฎ 3 ข้อนั้นเป็นกฎง่ายๆ
    • ข้อแรก ก็คือว่า วิญญาณต้องไม่กระทำหรือแสดงตัวเป็นใหญ่ในจักรวาล แต่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า 
    • ข้อสอง กล่าวว่า วิญญาณจะต้องไม่หลีเลี่ยงวิวิฒนาการความก้าวหน้าของวิญญาณโดยหลีกเลี่ยงเรียนรู้ประสบการณ์ และ
    • กฎข้อสาม กล่าวว่า ประเภทของประสบการณ์อย่างเช่น รูปลักษณ์ทางกายจะต้องไม่ถูกทำลายโดยเจตนา 
  • กฎ 3 ข้อนี้ ยังมีกฎย่อยอีก 3 ข้อซึ่งไม่ได้เป็นกฎเกณฑ์แต่เป็นแหล่งปัญญาที่จะนำไปสู่พลังแห่ง
  • พระเจ้า ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง สุดท้ายของการปรับเปลี่ยนพัฒนาตนเอง 
    • กฎย่อยข้อ แรกกล่าวว่า การเลียสละเพื่อผลประโยชน์ของผู้อื่น เป็นเครื่องชี้นำการเข้าถึงการตรัสรู้สำหรับวิญญาณที่ได้รับรู้ระดับวิวัฒนาการ ซึ่งวิญญาณนั้นได้ประกอบจากส่วนต่างๆ 
    • กฎย่อยข้อที่ สองก็คือว่า การยอมรับต่อการปรากฏในร่างต่างๆ เป็นที่มาของการอ่อนน้อมถ่อมตนซึ่งเป็นคุณความดีที่มีค่ามากที่สุดและนำไปสู่ความสุขได้ 
    • กฎย่อยข้อที่ สาม ได้กล่าวว่า ความรักจะนำไปสู่การเกิดเผ่าพันธุ์ใหม่และความเป็นเอกภาพ รวมทั้งเป็นทางไปสู่พระเจ้า
  • กฎหลัก 3 ข้อและกฎย่อย 3 ข้อ จะถูกส่งไปยังวิญญาณ เมื่อพระเจ้าได้ประกาศออกไป แต่เราจะลืม
  • กฎเหล่านี้ไปเมื่อกลายเป็นมนุษย์และเติบโตตามวิถีชีวิต พระเจ้าซึ่งคือพระผู้สร้างหรือผู้ครอบครองจักรวาล ได้แสดงตัวพระองค์ในรูปวิญญาณต่างๆ หรือมีจุดประสงค์ในการเรียนรู้ประสบการณ์
  • วิญญาณแต่ละตนเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ และในที่สุดวิญญาณแต่ละตนกลับมาและทำให้วัฏจักรแห่งประสบการณ์ และในที่สุดวิญญาณแต่ละตนจะกลับมาและทำให้วัฏจักรแห่งประสบการณ์เสร็จสมบูรณ์แล้ว วิญญาณจะได้ชำระบาปตามวิถีทางการวิวัฒนาการ
  • ผมอยากรู้ว่าทำไม่ผมยังอยู่ในสภาพเดิม เมื่อผมจำการฆ่าตัวตายบนดาวเฟอร์ซาห์ ทูตวิญญาณที่ผมรู้จักชื่อ เจเรไม และ โจแอ็บ นั้นได้อธิบายเหตุผลที่ผมยังเห็นตัวเองมีรูปร่างหน้าตาเหมือนดวงดาวเฟอร์ซาห์ เพราะว่าเป็นทางเดียวที่ผมจะรู้จักตัวเอง ความเจ็บปวดที่ผมต้องทนทุกข์ตลอดเวลาหลายร้อยปีได้หมดสิ้นไปเนื่องจากสิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ผมต้องทนทุกข์ในชาตินั้น
  • เมื่อผมถามถึงเวอร์ดิกริส แสงพร่ามัวที่ล้อมรอบทูตทั้งสองคนก็เริ่มมีสงบริบหรี่อ่อนนวลขึ้น พวกเขาบอกผมว่า ตามกฎแห่งธรรมชาติของจักรวาลนั้น ทุกสิ่งจะมีคู่ตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นขั้วบอกกับขั้วลบ ชายกับหญิง ตรงใจกลางของอะตอมโปรตอน และอิเล็กตรอนจนถึงสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาขั้นสูงสุดนั้น สิ่งที่ปรากฏทั้งหมดจะมีประจุต่างกันในความสมดุลที่ผสมผสานกลมกลืนกัน จากการรวามตัวที่สมบูรณ์ก่อให้เกิดแสงแห่งชีวิต วิญญาณคู่แฝดหรือเพื่อนร่วมวิญญาณ ซึ่งรวมตัวจากความรักที่เหมือน
  • อะตอมหรือพระเจ้านั้นจะมี 2 เพศในร่างเดียว เพราะวิญญาณที่ถูกเชื่อมโยงไว้จะมีทั้งเพศชายและเพศหญิง ดังนั้นจากสภาพตามธรรมชาติ วิญญาณที่มี 2 ร่างนั้นจะประกอบด้วยพลังดีและร้าย มีทั้งหญิงและชายอยู่ในโลกมนุษย์ วิญญาณจะถูกแยกชั่วคราวเป็น 2 ส่วน เพื่อว่าแต่ละตนจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ และตระหนักถึงความสำคัญของการรวมตัวเป็นเอกภาพ บ่อยครั้งที่พบว่าวิญญาณในส่วนของผู้หญิงกลับมาเกิดเป็นผู้ชาย หรือเกิดในทางกลับกัน ซึ่งได้สร้างความเจ็บปวดและความวุ่นวายของวิญญาณที่อยากรู้เพศที่แท้จริงของตน หลังจากการกลับชาติมาเกิด ซึ่งเป็นช่วงที่วิญญาณแต่ละส่วนจะฝังตัวเองอยู่ในโลกมนุษย์เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพตัวเองและชำระบาปนั้น วิญญาณแต่ละส่วนก็จะสามารพบกันและรวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งชั่วนิรันดร์
  • แต่โลกมนุษย์นั้นมีพลังมาก และในที่สุดวิญญาณแต่ละฝ่ายที่กลับชาติมาเกิด แต่ละส่วนจะถูกห่อหุ้มด้วยร่างกายและชีวิตใหม่ ทำให้ลืมร่ายกายที่แท้จริงไป บ่อยครั้งที่สิ่งนี้ทำให้ยากที่จะรวบรวมจดจำประสบการณ์ตลอดชีวิตทั้งหมดได้
  • สิ่งหนึ่งที่วิญญาณไม่เคยลืมว่าตนเองนั้นยังไม่สมบูรณ์ ส่วนหนึ่งในร่างกายได้ขาดหายไป นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไม่จึงใช้เวลานานมากกว่าวิญญาณจะกลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ วิญญาณจะค้นหาคู่แฝดที่หายไปอย่างต่อเนื่อง และจะสนใจต่อบุคคลที่เตือนใจเขาถึงวิญญาณคู่แฝดที่แท้จริง แต่การค้นหานี้ไร้ประโยชน์ นับเป็นเรื่องยากมากที่วิญญาณคู่แฝด 2 ร่างจะกลับมาเกิด ณ สถานที่เดียวกันและเวลาตรงกัน เหตุกาณ์นี้ได้เกิดขึ้นความสนใจก็จะเกิดขึ้นในทันทีและโดยรอบ แม้ว่าวิญญาณคู่แฝดทั้ง 2 ร่างจะไม่ทราบเหตุผลถึงความใกล้ชิดกัน แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะมีวิญญาณเพียงดวงเดียวเท่านั้นที่จะกลับมาเกิดในขณะวิญญาณคู่แฝดอีกหนึ่งดวงจะอยู่ในโลกวิญญาณ
  • โจแอบและเจเรไม่บอกว่า เวอร์ดิกริสเป็นวิญญาณคู่แฝดของผม เป็นวิญญาณอีกส่วนหนึ่งที่เหลือ เมื่อผมได้สัมผัสก้อนหินในดาวเฟอร์ซาห์ เวอร์ดิกริสนั้นรู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่ไม่อาจทนทานได้ ต่อการกลับชาติมาเกิดและได้อยู่เคียงข้างผม แต่การที่เธอทำเช่นนั้นเป็นการฝ่าฝืนกฎจักวาลข้อแรก เพราะว่าเราจะไม่พบกันในเวลาหลายชาติ ดังนั้นเธอไม่ได้ทำประโยชน์เพื่อพระเจ้า แต่ทำเพื่อใครคนหนึ่งซึ่งก็คือตัวผมนั้นเอง จากสาเหตุนี้และจากที่ผมได้จบชีวิตก่อนเวลา เราทั้งสองจำต้องพลัดพรากจากกันนานแสนนานจนกว่ากฎแห่งจักรวาลที่เราฝ่าฝืนได้ถูกกำหนดขึ้นมาใหม่ทันทีที่ผมเข้าใจถึงสิ่งนี้ ผมรู้สึกขมขื่นใจมาก ผมได้ถามว่า ผมจะต้องทอนเวลาให้น้อยลงเท่าที่ผมจะต้องพรากจากเวอร์ดิกริสทันใดนั้นผมก็ได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ผมจะหยุดคำถามโดยการยอมรับและเชื่อฟัง
  • ต่อจากนั้นผมจะได้เกิดในภพใหม่ที่ผมสามารถพัฒนาวิญญาณบทเรียนชีวิตบทใหม่ที่รอคอยผมอยู่คือการควบคุมอารมณ์ความรู้สึกโดยเฉพาะอย่างยิ่งความโศกเศร้าและความเจ็บปวด ผมได้รับชีวิตใหม่ที่เปี่ยมด้วยความสูงส่ง โดยต้องการถูกทดสอบไม่ว่าจะหนักหนาเพียงใดก็ตาม 
  • เพื่อให้ถึงเวลาที่รวมจิตวิญญาณกับเวอร์ดิกริสได้เร็วขึ้น แต่ฑูตวิญญาณมองดูความตื่นเต้นของผมอย่างเย็นชา เขาสองคนกล่าวว่า "คุณยังเป็นวิญญาณที่ยังเด็กมาก จงควบคุมอารมณ์หุนหันพลันแล่นชีวิตในภพหน้าของคุณจะยากลำบากมาก และมีสิ่งยั่วยุมากมาย คุณอย่ายอมแพ้ต่อสิ่งเหล่านี้ แต่ผมแทบไม่ได้ฟังเลย ผมอยากจะไปเกิดใหม่ให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้เพื่อว่าผมจะได้ใปสู่ช่วงเวลาที่มีค่าเมื่อตอนที่ผมได้อยู่กับเวอร์ดิกริสอีกครั้งหนึ่ง"
  • การถือกำเนิดของผมในภพหน้านั้นจุติ ณ ระบบดาวแห่งหนึ่งซึ่งรู้จักกันในชื่อ วาร์เนียร์ (Varmya) ดาวกลุ่มนี้จะโคจรรอบดาวดวงใหญ่สีแดงสุกใสที่มีชื่อเดียวกันโดยอยู่ในขั้นที่แตกสลาย เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น ดวงดาวก็จะระเบิดอย่างรุนแรง และพลังมหาศาลจะถูกดูดซับภายในตัวดวงดาวเอง ทำให้เกิดพลังที่มีอำนาจซึ่งไม่อาจอธิบายได้ โดยได้ทะลวงผืนอวกาศทำให้เปิดหลุมที่นำไปสู่จักรวาล จักรวาลเหล่านี้จะมีภพของสิ่งมีชีวิตแตกต่างกันไป โดยเป็นส่วนหนึ่งของโลกวิญญาณมีหลุมจักววาลนับล้านแห่ง และหลุมที่ว่าเป็นทางไปสู่โลกวิญญาณต่างๆ
  • ดวงดาวที่ผมได้จุติในชาติที่ 2 คือ ดาวดวงที่เจ็ดถัดจากวาร์เนีย ซึ่งก็คือดาวเดล (Del) แม้ว่าดาวดวงนี้จะอยู่ห่างไกลมากจากดาวที่สาบสูญไปแล้ว แต่แสงสีแดงที่เปล่งออกจากดาววาร์เนียยังทรงอำนาจมากจนแสงได้สาดส่องไปทั่งดาวเดล ทั้งเวลากลาววันและกลางคืน บรรยากาศบนดาวดวงนี้เป็นสีแดงเพลิงสดใสจนทำให้ทุกสิ่งพบพื้นผิวดาวกลายเป็นสีแดงเพลิง พื้นผิวของดาวเดลประกอบด้วยแร่เหล็ก โมลิบเดนัม (ธาตุโลหะคล้ายเงิน) และธาตุที่ 3 คือ ไทรเทียมซึ่งแสงสีแดงของมันทำให้ดาวเดลมีบรรยากาศคล้ายสีเลือด ไทรเทียมมีนิวเคลียสที่มีน้ำหนักมากกว่ายูเรเนียมแต่มีค่าเสถียรมากกว่าพื้นผิวทั้งหมดของดาวเดลนั้นสลับกับแม่น้ำที่มีไทรเทียมเหลวมีพืชสีแดงได้ขึ้นหนาตาอยู่ทุกหนทุกแห่ง
  • โดยรากแก้วของต้นไม้จะไซลึกไปใต้ดินไปยังริมแม่น้ำ เพื่อหาอาหารจากสารหลอมเหลวที่ลุกเป็นไฟชีวิตที่นี่แตกต่างจากการใช้ชีวิตที่ยาวนานในดาวเฟอร์ซาห์ผมอยู่บนดาวสีแดงดวงนี้เกือบสิบปี นับว่าเป็นช่วงเวลาแรมปีที่น่าอัศจรรย์ใจทีเดียวมีสิ่งมีชีวิตมากมายจนนับไม่ถ้วนบนดาวเดล เช่นอยู่ในสภาพของเหลว ของแข็ง และก็าซ รวมสิ่งมีชีวิต 2 สายพันธุ์ ที่มีลักษณะเฉพาะของตนเองบนดาวดวงนี้ ประเภทแรกคือ ซิโลมี มีรูปร่างเป็นเจลเหนียว แต่อันที่จริงแล้วไม่ได้มีสารใดเจือปนอยู่ ซิโลมีไม่ได้เป็นทั้งของเหลวและของแข็งแต่สามารถอธิบายได้ว่ามีรูปร่างที่ไม่แน่นอนสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดประเภทที่ 2 คือ ยาต้า มีรูปร่างเป็นก็าซขุ่นพร่ามัว แต่ความจริงมีลักษณะค่อนไปทางของแข็ง ยาต้าสัมผัสสิ่งไดก็จะเป็นอันตราย ยาต้าอาจเปรียบเสมือนสัตว์ล่าเหยื่อ ซิโลมีเป็นศัตรูของยาต้า และทั้งสองคนทำสงครามกันมาโดยตลอด
  • ในภพที่ 2 นี้ ผมเป็นต้นไม้อยู่บนดาวดวงนี้ ผมเป็นต้นไม่มีใบปกคลุมหนาครึ้ม โดยมีลำต้นซึ่งเกิดจากธาตุชนิดหนึ่งที่มีสีม่วง ที่ลำเลียงไปตามเส้นใยสีส้ม ผมมีใบเป็นสีส้มและจะออกดอกพร้อมกับรักษาชีวิตตนเองให้อยู่ในความผสมกลมกลืน และแน่ใจว่าการติดต่อกับชีวิตรอบตัวผมนั้นมีความกลมกลืนต่อกัน กิ่งก้านของผมก็คือลูกๆของผม และใบของผมก็คือผู้พิทักษ์ปกป้อง ผมจะฝังรากลึกลงในใต้พื้นดินเพื่อไปยังแม่น้ำที่จะให้อาหารแก่ผม ชีวิตของผมดูน่าจะผ่านไปอย่างสงบสุข ถ้าไม่มีสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นอยู่ด้วยยาต้าเป็นสัตว์ในดาวเดล ที่มีความชั่วร้ายสุดจะบรรยายได้มันจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางกั้นอย่างไม่มีเหตุผล 
  • นอกจากความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเจ็บปวด ยาต้าเป็นสัตว์ฉลาดที่สุดบนดาวเดลและมีพลังมากที่สุด ยาต้าแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อยู่บนดาวสีแดงแห่งนี้ และเติบโตเป็นสิ่งต่างๆ มากมาย ยาต้าเป็นสัตวย์ที่เกิดจากากรรวมสายพันธุ์ชีวิตต่างๆ ไว้ในตัวเองทั้งหมด เป็นสัตว์แบบนี้เพียงตัวเดียวเท่านั้น ยาต้าเป็นสัตว์ที่สวยงามมากจนบอกไม่ถูกและดุร้ายโหดเหี้ยมพอกัน มันมีสองเพศ แม้ว่าจะไม่มีความรู้สึกทางเพศแบบในโลกมนุษย์ก็ตาม มันมีสองร่างในตัวเดียวกัน ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการรวมระหว่างเพศชายและเพศหญิงเข้าด้วยกัน ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการรวมระหว่างเพศชายและเพศหญิงเข้าด้วยกัน ร่างของมันมีพื้นเป็นมรกตสุกสว่างที่ได้สัดส่วนสมบูรณ์แบบ รูปลักษณ์นี้จะเปลี่ยนไปโดยแสดงให้เป็นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่ดูแปลกตา อย่างเช่นเวลาที่อารมณ์ดีเป็นที่รู้กันว่าความโหดร้ายและเจ้าเลห์ของยาต้าทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนดาวเดลถอยห่างจากสัตว์ที่มีแสงสว่างพลิงนี้ เมื่อใดก็ตามที่ยาต้าสัมผัส นั้นหมาถึงว่าจะเกิดความตายที่โหดเหี้ยมและเกิดในทันที เมื่อสัตว์ผู้เคราะห์ร้ายตัวใดก็ตามเดินผ่านมา สิ่งที่สัมผัสกับยาต้าจะถูกดูดซึมอย่างช้าๆ และเป็นช่วงๆดูเหมือน เหยื่อจะไม่ได้รับความเจ็บปวดจากความตายที่กินเวลานานจากพิษร้าย ดังนั้นยาต้าจึงหาอาหารกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนดาวเดลโดยไม่มีใครกล้าขัดขืน นิสัยตะกละตะกลามและความรู้สึกที่เหี้ยมโหดไม่เทียบเท่ากับความเจ้าเลห์ของมัน มันจะจู่โจมล่าอยู่บ่อยครั้ง จะไม่มีสิ่งไดเหลือเลยยามมันตื่นขึ้นมาซิโลมีเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวบนดาวเดลที่สามารถต้านทานยาต้าได้ ซิโลมีเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเป็นวุ้น
  • โดยมีรูปร่างน่าเกลียด แต่มีจิตวิญญาณภายในที่เมตตาและใจดีสิ่งมีชีวิตที่เป็นต้นไม้บนดาวเดลที่ผมเป็นอยู่นี้ สามารถเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ตามต้องการ เนื่องจากมีรากที่ไวต่อความรู้สึก ทำให้รู้เมื่อเวลาที่ยาต้าเดินเข้ามาและสามารถป้องกันตนเองและผลบนต้นไม้ โดยเคลื่อนไหวหนีไปเมื่อยาต้าใกล้เข้ามา
  • นับเป็นครั้งแรกที่กิ่งก้านของผมออกดอกออกผล ในขณะที่ยาต้ากำลังหาอาหารอยู่อีกด้านหนึ่ง ครั้นยาต้ามุ่งหน้ามาที่พวกเรานั้น พวกสิ่งมีชีวิตอื่นๆ กำลังเก็บผลของผมกันอยู่โดยรอบ ยาต้ารู้สึกโกรธเมื่อพบว่าผลไม่ถูกเด็ดไปหมดแล้ว เนื่องจากผลไม้เหล่านี้หายากมากและไม่พบที่ใดนอกจากบบนดาวเดล ต้นไม้แต่ละต้นที่มีสายพันธุ์ชนิดเดียวกับผมจะออกดอกออกผลชั่วชีวิตได้สองครั้งเท่านั้นทำให้ผลไม้นี้เป็นที่ต้องการเพิ่มเป็นทวีคูณ ในวันนั้นสิ่งมีชีวิตนับพันได้ล้มตายเนื่องจากยาต้าโมโห เมื่อความโกรธทุเลาลง มันได้สาบานว่าจะกัดกินผลของผมแต่เพียงผู้เดียว และเมื่อผมออกผลอีกครั้ง ยาต้าสัญญาว่าจะฆ่าผมในทันทีที่มันกินผลสุกของผมในคราวหน้า มันขู่คำราม ผลจะเป็นอย่างไรในเมื่อผมไม่สามารถออกผลไดอีกแล้ว
  • หลายปีผ่านไป ผมหลบเลี่ยงยาต้ามาโดยตลอด ซิโลมีกลายเป็นมิตรกับผม และสัญญาว่าจะปกป้องผมจากปิศาจร้ายที่เป็นศัตรูตัวฉกาจอยู่ชั่วนาตาปี ตอนรุ่งเช้าที่สดใสวันหนึ่งดวงอาทิตย์ทอแสงสีแดงสาดส่องไปทั่วฟ้า กิ่งก้านของผมได้ออกผลเป็นครั้งสุดท้าย คราวนี้ผลโตอวบอิ่มและหอมหว่ากว่ากครั้งแรกที่ได้เก็บกินกันไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดาวมาล้อมรอบผมและขอกินความอุดมสมบูรณ์ กิ่งก้านของผมแกว่งไกวอย่างยินดีและออกผลสีม่องเต็มต้น
  • ทันใดนั้นฉันเห็นซิโลมีอยู่ตรงหน้าฉัน ซิดโลมีได้ส่งสารผ่านมาถึงฉันด้วยเสียงเหมือนนกหวีดเสียงเหลมเล็กเพื่อใช้สื่อสาร ซิโลมีเตือนผมว่ายาต้ากำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว และผมต้องหนีหลบไปให้เร็วที่สุด เนื่องจากต้องแบกผลไม้ที่หนักจึงทำให้ผมเคลื่อนที่ลำบาก และก่อนที่ผมจะสื่อสารกับซิโลมีนั้น มีร่างอันมหึมาของยาต้ายืนตระหง่านอยู่เหนือผมเสียแล้ว ผมไม่เคยเห็นสัตว์ตัวใดงดงามมากกว่ามันเลย ผมจ้องไปที่ตัวมันโดยไม่สามารถขยับเขยื่อนและตำตะลึงในความสง่างามของมัน ทันทีที่ผมรวบรวมพลังเพื่อถอยหนีมันก็เข้าประชิดตัว ฉีกกิ้งก้านและลำต้นของผมอย่างโหดร้าย
  • ซิโลมีเข้ามาขวางอย่างกล้าหาญ แต่เวลานี้ยาต้ามีความแข็งแกร่งที่รุ่มร้อนด้วยความเกลียดและความโกรธอย่างรุนแรงที่แสดงออกมา ซิโลมีต่อสู้จู่โจมยาต้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ถูกยาต้าผลักด้วยพลังแห่งความโหดร้ายเสียทุกครั้ง ยาต้าพยายามทิ่มแทงสำต้นของผม ฉีกและทึ้งกิ่งก้านออกเป็นชิ้นๆ ต่อมายาต้าได้ทำลายส่วนที่มีค่าที่สุดของผมไป และยังเป็นส่วนที่อ่อนแอที่สุด กิ่งก้านเป็นสิ่งที่ให้ความแข็งแกร่งและความมั่นคง แต่ผมก็ช่วยพวกเขาไม่ได้ทุกครั้งที่ยาต้าหักโค่นกิ่งของผม มันได้ทำลายให้สิ้นซากตลอดไป
  • ผมรู้สึกสิ้นหวังเนื่องจากเป็นทั้งเหยื่อและผู้รับรู้ต่อการสังหารโหด ผมไม่สามารถหลบหนีไปได้เพราะยาต้าผนึกตัวของมันกับลำต้นของผม ผมเห็นความตายที่ปรากฏชัดขึ้นมาทุกที ผมรู้แต่เพียงว่าผมต้องยอมรับต่อความตาย และยอมแพ้ต่อสังขารให้กับจักรวาล แต่มีบางสิ่งบางอย่างในตัวผมที่ต่อต้านการยอมแพ้อย่างง่ายดายครั้งนี้ ผมสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวด และโกรธเคืองด้วยความสิ้นหวัง ผมบังคับรากให้ถอนออกจากพื้นเหล็กที่ได้ฝังรากไว้และได้ห่อม้วนตัวยาต้าอย่างเจ็บปวด พลังของเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้น่ากลัวมากแต่ความสิ้นหวังทำให้ผมไม่อย่ากต่อสู้ การต่อสู้กับศัตรูครั้งนี้เกิดจากความเจ็บปวดในตัวผม ผมดึงตัวเองลงในแม่น้ำสีแดงฉานที่เคยหล่อเลี้ยงผมเป็นเวลานาน แล้วผมก็เหวี่ยงตัวและกระซากเจ้าสัตว์ร้ายลงไปในแม่น้ำที่อันตราย ในชั่วพริบตาเดียว เราสองคนก็จมลงในลำน้ำสีทับทิมอยู่ชั่วกาลนาน
  • คราวนี้ผมได้หลับฝันอยู่บนโลกอยู่นานนับพันปี เมื่อผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมพบว่าตนเองอยู่ที่ประตูแแห่งวิญญาณ ฑูตวิญญาณ 2 คนยืนอยู่เคียงข้างผม ผมได้ลอยตัวขึ้นอีกครั้งกลางอวกาศ แต่ช่วงแรกผมยังมีสติจดจำเรื่องราวในชาติปางก่อน 2 ชาติแรก และประสบการณ์ที่ผมได้เห็นมาทำให้ผมเห็นภาพหมุนที่น่าวิงเวียน ผมเกิดใหม่อีกครั้งในตอนนั้น แต่ผมไม่มีความรู้สึกเลย มันเหมือนกับว่าผมกำลังดูฉากละครที่แสดงอยู่ต่อหน้าผมและผมเป็นเพียงผู้ดูเท่านั้นมีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้วิญญาณของผมสั่นไหวระริก คือการที่ผมคิดถึงเวอร์ดิกริส
  • มีความหนึ่งที่ไม่ได้พูดคุยซึ่งส่งมาจากเจเรไม พร้อมๆกับ ความคิดคำนึงของผมได้รับนั้นมีใจความว่า"คุณ 2 คนจะยังไม่ได้พบกันหรอก"
  • ผมถามว่า "ทำไม่หรือ" เจเรไมตอบโดยไร้เสียงว่า "ก็เพราะว่าคุณได้ผ่านชีวิตมาถึง 2 ชาติ เพื่อเรียนรู้ความเจ็บปวด แต่คุณก็ยังล้มเลิกมันเสีย คุณจะได้รวมวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกับเวอร์ดิกริสก็ต่อเมื่อคุณได้สัมผัสเข้าเข้าใจถึงความเจ็บปวด"
  • คำพูดเหล่านี้ทำให้ผมสิ้นหวังท้อแท้ ผมจึงคร่ำครวญว่า "สิ่งที่ผมทำไปก็เพื่อปกป้องกันตัวเองต่อเจ้าปิศาจร้าย มันยุติธรรมแล้วหรือท่าน ที่ สิ่งมีชีวิตตัวใดตัวหนึ่งจะทำลายชีวิตหนึ่งโดยได้รับการอภัย จุดประสงค์ของบทเรียนชีวิตนี้มันคืออะไรกันแน่"
  • คราวนี้โจแอ็บกล่าวขึ้นบ้างและคำพูดนั้นดูเศร้าปนโศกว่า"จุดประสงค์ของบทเรียนชีวิตนี้ก็คือสอนให้รู้ว่าความเจ็บปวดและความโศกเศร้าเป็นภาพลวงตาของโลกมนุษย์ ความรู้สึกนี้จะปรากฏในสภาพแวดล้อมที่มีมวลสารเท่านั้น คุณจะยอมรับความโศกเศร้าบนดาวเดลอย่างไม่ขัดขืน และยินยอมให้วิญญาณของตนเองแก่พระเจ้า คุณก็จะสัมผัสลึกซึ้งในบทเรียนสอนใจนี้ และยกระดับพัฒนาวิญญาณได้มากขึ้น และสามารถค้นหาวิญญาณคู่แฝดของคุณได้ ส่วนยาต้านั้นไม่ได้เป็น
  • สัตว์ร้าย แต่เป็นวิญญาณที่มีการพัฒนาจิตในระดับสูงได้รับเลือกให้ทำหน้าที่อันสูงส่งเพื่อบ่งบอกความสำคัญของบทเรียนชีวิตเกี่ยวกับความโศกเศร้าแก่ดาวดวงนี้"
  • ผมรู้สึกประหลาดใจอย่างมากต่อคำพูดเมื่อครู่นี้ โดยผมเองถึงกับตะลึงไปเลยทีเดียว แต่ทันใดนั้นความทรงจำเรื่องความโหดร้ายของยาต้าและความเจ้าเล่ห์ที่โฉดชั่วก็ได้แว่วเข้ามาในจิตวิญญาณของผม ซึ่งทำให้ผมโมโหโกรธและเกลียดชัง
  • ผมร้องคร่ำครวญว่า "สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร การกระทำที่ชั่วร้ายอำมหิตจะเป็นเครื่องหมายแสดงถึงสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการพัฒนาขัดเกลาได้อย่างไร"พอคำพูดที่ต่อต้านโพล่งออกมาจากจิตใจของผม ตัวผมเองก็รู้สึกสำนึกผิดขึ้นมาผมกล่าวเสียงอ่อยว่า "ยกโทษให้ผมด้วย ผมไม่อยากพูดด้วยถ้อยคำที่สามหาวเช่นนี้ ผมเองรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ผมรู้ว่าคุณมีความเมตตากรุณาและห่วงใยต่อวิญญาณของผม ได้โปรดชี้ทางสว่างให้ผมด้วย อย่าทิ้งผมไปเลย"
  • เจราไมกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า "เราจะทิ้งคุณไปได้อย่างไรกันในเมื่อคุณเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา ความรู้สึกสับสนของคุณเป็นเรื่องปกติ ยังมีอะไรอีกมากมายที่คุณต้องเรียนรู้"
  • โจแอ็บ ฑูตวิญญาณคนที่ 2 นั้นเรืองแสงระยิบระยับเหมือนชุดคลุมที่สว่างไสวต่อหน้าวิญญาณที่ร้อนรนสับสนของผม แล้วผมก็อยู่ในความสงบและความสุขอันยิ่งใหญ่ที่แทรกผ่านในตัวผมฑูตวิญญาณกล่าวว่า "จงฟังอย่าทรมานตัวเองเลย เจ้าเด็กหนุ่มเอ๋ย" คุณจำความโหดร้ายของยาต้า แต่ไม่ลืมความสวยงามอันเป็นความงามและมีรูปร่างที่ได้สัดส่วนซึ่งทำให้คุณติดตาต้องใจเมื่อคุณได้ใกล้กับยาต้า คุคุณจำได้ถึงวิธีที่ยาต้าผลึกรวมตัวเองเป็นหนึ่งเดียว สิ่งนี้สืบเนื่องมาจากยาต้าเป็นวิญญาณรวมในในเผ่าพันธุ์หนึ่งตัวอย่างแบบนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสิ่งมีชีวิตพันธุ์หนึ่งได้พัฒนาตนเองในระดับสูง เพื่อจะรวบรวมสิ่งมีชีวิตมากมายไว้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นับว่าเป็นขั้นตอนแรกที่เผ่าพันธุ์หนึ่งจะต้องกระทำก่อนที่จะกลานเป็นเอกภาพรวมกับพลังแห่งจักรวาล ยาต้ารู้ดีว่าความเจ็บปวดคืออะไร เพราะตัวยาต้าเองมีประสบการณ์เรื่องความโศกเศร้าที่แตกต่างกัน และมีรูปแบบที่ต่างกันออกไปมากมายมายแล้วยาต้ารู้ว่า ความโศกเศร้าเป็นภาพลวงตา ความพอใจยินดีก็เช่นกัน แต่มันก็ต้องการส่งความรู้นี้แก่คคุณและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนดาวเดลยาต้าเป็นผู้ชำระบาปบนดาวเดล หรือเป็น อะเธเนอร์
  • ผมสงสัยถามไปว่า "อะเธเนอร์คืออะไร"โจแอบบอกว่า "มันเป็นวิธีเรียนรู้ชีวิตของวิญญาณ หรือเป็นการชำระบาป เมื่อฝ่าฝืนกฎใดกฎหนึ่งของกฎจักรวาล 3 ข้อบางครั้งที่จิตวิญญาณระดับสูงจะได้รับหน้าที่เพื่อทำประโยชน์แก่วิญญาณตนใดตนหนึ่งหรือวิญญาณมากมาย อย่างเช่นตัวอย่างของยาต้านี้
  • ผมถามอย่างไม่หายสงสัยว่า "แล้วอะไรคือสัจธรรมของวิญญาณหละ"โจแอ็บตอบอย่างอ่อนโยนว่า "สิ่งนี้ก็คือความสงบสุขอันเป็นนิรันด์ไงล่ะ ความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์และความเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลนั่นล่ะคือความสุข ความสุขนี้เป็นความรู้สึกอันสูงส่งที่คุณยังไม่เข้าใจ แต่คุณต้องการมันเมื่อคุณมาถึงจุดที่สูงกว่าเดิมของการยกระดับจิตวิญญาณ"
  • วิญญาณของผมได้สัมผัสไออุ่นมาเป็นเวลานาน จากคำพูดของโจแอ็บที่แสนดีทำให้เห็นภาพขึ้นมาบ้างอยู่ในจิตใจของผม แต่แล้วความวิตกกังวลอันใหม่ได้ก่อกวนฝังลึกอยู่ในตัวผม
  • "แล้วผมจะจำความปรารถนานี้ เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง ความทรงจำในชาติก่อนๆของผม และคำสอนของพวกคุณจะถูกลบเลือนในทันทีที่ผมเกิดใหม่"
  • เจราไมตอบว่า "ร่างกายที่คุณถือกำเหนิดจะลืมเรื่องราวในอดีตของคุณ แต่วิญญาณของคุณจะไม่ลืมเลย ถ้าคุณได้ประสานตัวคุณเองกับตัวตนที่แท้จริงภายในของคุณ คุณก็จะรู้ได้เอง คุณจะต้องกระทำอย่างไรในแต่ละภพชาติที่คุณเกิด"
  • ผมถามด้วยความเกรงใจว่า "แล้วขณะนี้เกิดอะไรขึ้น ผมจะถูกลงโทษหรือเปล่า"คราวนี้เจราไมและโจแอ็บตอบพร้อมกันว่า "ไม่มีการลงโทษอย่างที่คุณคิดหรอก ในแต่ละชาตินั้นจะมีบทเรียนชีวิตและภาระหน้าที่ ซึ่งวิญญาณจะต้องปรับตัวและยอมรับสิ่งเหล่านี้ เมื่อวิญญาณไม่ยอมรับ 
  • หรือเมื่อไรก็ตามที่ฝ่าฝืนกฎใดกฎหนึ่งของจักรวาล วิญญาณต้องการชำระบาปจากผู้ช่วยชำระบาป ซึ่งมักเป็นประสบการณ์ที่วุ่นวายต่อวิญญาณ คุณอาจคิดถึงการถูกลงโทษ แต่อันที่จริงวิญญาณเองนั่นหละที่สร้างเหตุการณ์ในชีวิตที่ไร้ความสุขเหมือนที่คุณได้ทำมาแล้วใน 2 ชาติก่อน มีวิญญาณมากมายในภูมิต่ำๆ
  • ในโลกวิญญาณที่ไม่ยอมรับบทเรียนอันนี้และฝ่าฝืนกฎ ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกนี้ไม่ได้รับแสงสว่างแห่งจักรวาลชั่วกัปชั่วกัลป์"
  • "แล้วตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง""ได้มียาต้าตัวใหม่บนดาวเดล และคุณยังต้องเรียนรู้บทเรียนแห่งความโศกเศร้า แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ในการกลับไปเกิดในภพหน้าของคุณนั้น คุณจะต้องต่อสู้กับความอวดดี ความหยิ่งทะนง ความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ความกลัว ความไม่ปลอดภัย ความอิจฉาริษยา ความระแวงสงสัย ความอยากในอำนาจ ความทะเยอทะยานที่ไม่มีวันสิ้นสุด การโกหก การก่ออาชญากรรมและสิ่งมายาลวงตาอื่นๆเมื่อคุณเอาชนะสิ่งเหล่านี้หมดไปได้ คุณก็จะต่อสู้กับสิ่งที่คงทนอยู่เสมอ นั่นคือความเจ็บปวดและความโศกเศร้า สิ่งทั้งหมดที่คุณต้องการค้ำจุนพยุงตัวคุณไว้ก็คือ ความหวังและความเชื่อมั่น คุณพร้อมที่จะไปใช้ชีวิตในโลกมนุษย์แล้วหรือยัง"
  • ฑูตวิญญาณทั้งสองคนลอยขึ้นไปเหนือตัวผม แสงริบหรี่เปล่งออกมาจากการรวมร่างของฑูตวิญญาณและได้ห่อร่างผมไว้ แล้วทันใดนั้นผมก็หมดสติไป เมื่อผมมีสติขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าผมได้ไปเกิดใหม่อีกหนซะแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น