วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559

นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา



นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา



นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา
ตอนที่ 1
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿

.........เรื่อง“นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา” นี้ มีตำนานเกี่ยวพันกันกับภูเขาในเขต“อุทยานแห่งชาติภูเก้าและภูพานคำ”ในเขตติดต่อกัน ๓ จังหวัดคือ หนองบัวลำภู อุดรธานี และขอนแก่น 
.........ซึ่งดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ อันเนื่องจากว่าจะเป็นพื้นดินเป็นเนินสูงหรือเป็น “โนน” หรือเป็น “มอ” ที่แปลกประหลาดมากก็คือว่า สีของพื้นดินบริเวณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำนานนี้ จะมี “สีแดง” หรือ “สีอิฐ” 
.........โดยผู้คนทั่วต่างขนานนามและรู้จักกันดีเกี่ยวกับพื้นดินแห่งนี้ว่า "มอดินแดง" นั้นเอง 
.........ซึ่งยังให้ปรากฏเห็นและสัมผัสได้จนถึงปัจจุบันนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์และเป็น "พรหมนิมิต" หรือ "เทพนิมิต" ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ทำการศึกษาและค้นคว้ากัน 
.........แปลกแต่จริง! หลังจากเหตุการณ์ในโบราณกาลนั้นมา ณ พื้นดินแห่งนี้ได้เกิดมี "สำนักตักศิลา" คือมี "สถาบันการศึกษาชั้นสูง" ที่ดีและมีชื่อเสียงที่สุดบนแผ่นดินภาคอีสานของประเทศไทย และยังมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับกันทั้งในระดับประเทศจนถึงระดับโลกเลยทีเดียว 
.........ดังตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ว่า
•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา
ตอนที่ 2
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿

.........ในอดีตกาลนานมาแล้ว ในแถบตอนกลางของภาคอีสานของประเทศ ไทย ในปัจจุบัน “ท้าวสุพรหมโมกขา” ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ที่จุติ (เคลื่อน หรือ ตาย) ลงมาปฏิสนธิ (เกิด) เพื่อสร้างสมบุญบารมีบนโลกมนุษย์ 
.........โดยเกิดเป็นลูกชายคนเดียวของ “นายพรานป่า” ทุคคตะเข็ญใจและยากจนคนหนึ่ง ซึ่งเขาต้องกำพร้าแม่มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก คือหลังจากเขาคลอดออกมาได้เพียง ๗ วันแม่ของเขาก็ได้เสียชีวิตลง 
.........พ่อของเขาต้องไปหาขอน้ำนมจากหญิงชาวบ้าน ที่เป็นแม่ลูกอ่อนมาเลี้ยงเขา โดยในตอนท้าวสุพรหมโมกขาเกิดมานั้น 
.........ได้มีสุนัขประหลาด “สี่เท้าเก้าหาง” เกิดมาคู่บุญบารมี (สหชาติ) ด้วย ซึ่งบิดาของสุพรหมโมกขาได้พร่ำสอนลูกชายบ่อยๆ ว่าให้เป็นคนดี และใฝ่ศึกษาหาความรู้ 
.........ที่สำคัญบิดาได้สั่งลูกชายไว้ว่าเมื่อบิดาเสียชีวิตไปแล้วให้นำกะโหลกศรีษะของพ่อไปสักการะบูชา โดยไม่ต้องนำไปเผาหรือฝังแต่อย่างใด ซึ่งจะทำให้ดินดีอุดมสมบูรณ์ ปลูกพืชอะไรก็จะได้ผลดีและเจริญงอกงามนั้นเอง
.........เมื่อสุพรหมโมกขาเติบโตพอที่จะเรียนหนังสือได้แล้ว บิดาของเขาได้นำไปฝากไว้กับ “พระฤาษี” ตนหนึ่ง เพื่อเรียนวิชาต่าง ๆ ร่วมกับเจ้าชายราชบุตรของผู้ครองหัวเมืองต่างๆ และลูกคหบดีเศรษฐีต่างๆ จนกระทั่งเล่าเรียนจนสำเร็จวิชาวิทยาการ แล้วต่างคนก็กราบลาพระฤาษีเพื่อกลับบ้านเมืองของตนเอง
•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา
ตอนที่ 3
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿

.........ในระหว่างที่เขาได้ศึกษาพระอาจารย์ ซึ่งเล่าเรียนจนจบแล้วและกำลังเตรียมตัวเดินทางกลับนั้น นายพรานป่าบิดาของท้าวสุพรหมโมกขา ได้รับอุบัติเหตุและได้เสียชีวิ ตไปก่อนที่สุพรหมโมกขาจะเดินทางกลับมาถึง 
.........ท้าวสุพรหมโมกขาพอทราบข่าวก็รีบเดินทางกลับมาและได้ทำปราสาท ผึ้งมาด้วย โดยได้แห่ปราสาทผึ้งจะมาร่วมงานศพบิดาของตน แต่ก็มาไม่ทันพิธี จึงได้ทิ้งปราสาทผึ้งเกลื่อนบริเวณไปหมด 
.........ในกาลต่อมาได้กลายเป็นหินรูปต่าง ๆ อย่างน่าประหลาดชาวเมืองเรียกกันว่า "หินปราสาท" 
.........ส่วน “เจ้าเชียงสีห์” เพื่อนรักของสุพรหมโมกขาแห่ง “เมืองภูเวียง” ก็ได้ทำบุญถวายสังฆทานอุทิศไปให้บิดาของเพื่อนด้วย 
.........ซึ่งบริเวณนี้เรียกว่า "ลาดเชียงสีห์" หลังจากจัดงานศพของบิดาแล้ว ท้าวสุพรหมโมกขาได้นำเอา “กะโหลกศรีษะ”ของบิดามาตั้งไว้บนหิ้งเพื่อบูชาในกระท่อมน้อยของเขาในป่า 
.........โดยเขาจะทำการกราบไหว้และสักการะบูชาทุกวัน ด้วยความเคารพและสำนึกในพระคุณ ของบิดาบังเกิดเกล้าของเขานั้นเอง 
.........โดยเขาได้ยึดอาชีพทำไร่ ทำนา และเข้าป่าตัดฟืนมาขาย ขุดเผือกขุดมันและกลอยมากินเป็นอาหารเลี้ยงชีวิต โดยไม่ได้ยึดอาชีพเป็นพรานป่าที่ต้องล่าสัตว์เหมือนดังบิดาของเขาแต่อย่างใด
•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา
ตอนที่ 4
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿
.........เมื่อท้าวสักเทวราช (พระอินทร์) ผู้อยู่บนสรวงสวรรค์ทราบถึงความเดือดร้อนของท้าวสุพรหมโมกขา 
.........จึงได้ส่ง “นางไข่ฟ้า” ซึ่งเป็นพระราชธิดาของพระองค์เอง โดยให้หลบซ่อนอยู่ใน “ไข่ฟ้า” ลูกใหญ่ฟองหนึ่ง 
.........โดยได้นำไปวางไว้ในป่าซึ่งเป็นที่ดินทำกินของเขา แล้วสุนัขเก้าหางได้ไปพบเข้า จึงเห่าเสียงดังไม่ยอมหยุด 
.........สุพรหมโมกขาจึงเดินตามมาดู ซึ่งเขาต้องประหลาดใจอย่างมากที่ไข่นั้นฟองใหญ่มาก แล้วพระอินทร์ก็ได้ดลจิตดลใจให้สุพรหมโมกขา นำไข่นั้นมาเก็บไว้ในกระท่อมของเขา 
.........โดยองค์อินทร์ต้องการให้นางไข่ฟ้ามาอยู่ด้วย เพื่อคอยช่วยเหลือและปรนนิบัติท้าวสุพรหมโมกขานั้นเอง 
.........เมื่อท้าวสุพรหมโมกขาเข้าป่าหาตัดฟืนและหาอาหาร นางไข่ฟ้าจะออกมาจากที่ซ่อนแล้วปัดกวาด ทำความสะอาดบ้านและประกอบอาหารไว้รอคอยเขากลับมา 
.........หลังจากนั้นจะเข้าไปหลบซ่อนตัวในไข่ฟ้าใบนั้นตามเดิม ตอนแรกท้าวสุพรหมโมกขาคิดว่าชาวบ้านป่าในแถบนี้ คงจะเห็นใจและสงสารจึงมาช่วยสงเคราะห์ตน 
.........ซึ่งท้าวสุพรหมโมกขาด้วยความหิวก็รับประทานอาหารซึ่งมีรสชาติอร่อยถูกอกถูกใจยิ่งนัก และได้แบ่งอาหารนั้นให้สุนัขเก้าหางกินด้วย 
.........เมื่อสุนัขนั้นได้กินก็สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แต่ครั้นนานวันเข้าท้าวสุพรหมโมกขาก็เริ่มสงสัย
•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา
ตอนที่ 5
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿
.........แล้ววันหนึ่งเขาจึงทำทีเข้าป่าตัดฟืนตามปกติ แต่ย้อนกลับมาที่บ้านแอบดู จึงได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด ซึ่งนางไข่ฟ้าก็รับรู้ทุกอย่างแต่ก็ทำตัวตามปกติ 
.........ท้าวสุพรหมโมกขาจึงย่องเข้าไป เอาไข่ฟ้าไปซ่อนเสียที่อื่นเสีย แล้วก็มาดักพบนาง ทั้งสองจึงได้พบกัน 
.........ท้าวสุพรหมโมกขาต้องตกตะลึงในความสวยงาม และกริยามารยาทอันงดงามไม่เหมือนชาวบ้านชาวป่าแต่อย่างใด 
.........แต่นางมีรูปร่างผิวพรรณสวยงามราวกับนางฟ้า หรือเทพธิดาที่ลงมาเที่ยวเล่นบนโลกมนุษย์เลยทีเดียว เขาได้สอบถามนางถึงความจริงต่างๆ ของนาง ซึ่งทั้งคู่ต่างก็มีจิตปฏิภัทธ์ในกันและกัน เหมือนกับว่าเคยเป็นคู่สามีภรรยากันมาอย่างยาวนานแล้วนั้นเอง
.........แล้วทั้งสองก็ได้เกิดมีความรักและได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่กินเป็นสามีภรรยากันอย่างมีความสุขในช่วงระยะเวลาหนึ่ง 
.........แต่เนื่องจากนางไข่ฟ้าเป็นนางฟ้าที่มีรูปโฉมงดงามมาก จนเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วเขตคาม ในเรื่องความงามของนาง 
.........จนได้เลื่องลือไปถึง “เจ้าเมืองอุตตระ” ผู้ไร้คุณธรรม และได้พยายามหาอุบายแย่งชิง เอาตัวนางไข่ฟ้าไปเป็นมเหสีของตนด้วยกลวิธีต่าง ๆ 
•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา
ตอนที่ 6
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿

.........โดยได้เรียกตัวท้าวสุพรหมโมกขาเข้าไปพบในพระราชวังและสั่งให้เขาไปเอาไก่มาชนกัน 
.........โดยสัญญาว่าถ้าไก่ของเขาชนะก็จะยกเมืองอุตตระ ให้ครอบครองแทน แต่ถ้าไก่ของเจ้าเมืองชนะ แล้วเจ้าเมืองจะยึดเมียของเขาเสีย 
.........เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องตกลง แล้วเขาก็กลับบ้านมานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจคิดว่าจะทำอย่างไรดี 
.........ฝ่ายเมียเมื่อทราบเรื่อง ก็เอาข้าวเปลือกมาหว่านที่หน้าบ้านแล้วก็มี “อีเห็น” ตัวหนึ่งมากินข้าว เมียเขาจึงได้เสกคาถาให้อีเห็นเป็นไก่ แล้วบอกให้ผัวเอาไปชนกับไก่เจ้าเมือง 
.........เขาจึงเดินทางไปชนไก่กับเจ้าเมือง ไก่ของเจ้าเมืองก็แพ้ แต่เจ้าเมืองไม่ยอมยกเมืองให้ตามสัญญาแต่อย่างใด แต่กลับบอกให้เขาเอาวัวมาชนกันอีก 
.........เขาจึงได้กลับมาบ้านมานั่งคิดกลุ้มใจอยู่ ฝ่ายเมียก็มาสอบถาม พอทราบเรื่องก็บอกว่าจะช่วยเหลือ แล้วนางจึงไปจับ“เสือ” ในป่าแล้วเสกคาถาให้กลายเป็นวัว 
.........แล้วนำมาให้ผัวของนางไปชนกับวัวเจ้าเมือง ปรากฏว่าวัวของเจ้าเมืองก็แพ้อีกตามเคย แต่เจ้าเมืองก็ไม่ยอมยกเมืองให้แต่อย่างใด แต่กลับบอกให้เขาเอาช้างมาชนกันอีก 
.........เขาจึงกลับบ้านมานั่งกลุ้มใจคิดว่าจะทำประการใด ฝ่ายเมียของเขาก็มาช่วยอีก โดยไปเอา “ราชสีห์” (สิงโต) ตัวหนึ่งมาเสกเป็นช้างและให้ผัวของนางนำไปชนกับช้างของเจ้าเมือง ช้างของเจ้าเมืองก็แพ้อีกตามเคย แต่เจ้าเมืองก็ไม่ได้ทำตามสัญญาแต่อย่างใด 
.........แต่กลับค้นหาวิธีที่จะยึดเมียของเขาให้ได้ โดยเจ้าเมืองได้บอกกับเขาว่าอีก ๗ วันจึงจะยกเมืองอุตตระให้
•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา
ตอนที่ 7
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿
.........ต่อมาใกล้จะถึง ๗ วัน เจ้าเมืองก็สร้างกลองใบใหญ่ขึ้นใบหนึ่ง และให้คนไปอยู่ในกลอง แล้วใช้คนนำไปหาเขาที่บ้านโดยบอกว่า เจ้าเมืองจะมีงานจึงได้เอากลองมาฝากไว้ที่กระท่อมของเขา 
.........แท้ที่จริงแล้วเจ้าเมืองนั้นอยากจะสืบดูว่าเขามีของวิเศษอะไรจึงชนะเจ้าเมืองทุกอย่างและทุกครั้ง 
.........ตกตอนดึกมาสองผัวเมียนอนกอดกันและพูดคุยกันตามประสาผัวเมีย ฝ่ายเมียบอกสามีของเขาว่าห้ามกินไข่ทุกชนิด 
.........เพราะว่าจะทำให้นางไม่สบายและจะอยู่ในเมืองมนุษย์ไม่ได้ จะต้องกลับไปอยู่ที่เมืองของนางบนสวรรค์ 
.........เมื่อคนที่อยู่ในกลองได้ยิน เช่นนั้นจึงนำเรื่องไปเล่าให้เจ้าเมืองฟัง เจ้าเมืองจึงรีบจัดงานเลี้ยงขึ้น แล้วใช้คนไปเรียกผัวของนางมา 
.........พอผัวของนางมาถึงงานเลี้ยง ก็พบว่าอาหารทุกอย่างประกอบด้วยไข่ทั้งหมด เขาจึงนึกถึงคำบอกของเมีย จึงไม่ยอมกินอาหารเหล่านั้น 
.........เจ้าเมืองจึงโกรธและบอกว่าถ้าเขาไม่กินแล้วก็จะถูกฆ่า เขารู้สึกกลัวจึงหยิบกินเพียง ๒-๓ คำ ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายเมีย 
.........ซึ่งอยู่ทางบ้านจะปวดหัวจนอยู่ต่อไปไม่ได้ จึงต้องกลับไปบนสวรรค์ แต่ก่อนที่นางจะกลับไป ก็ได้ฝากแหวนวิเศษของนางไว้ให้ผัว 
.........โดยฝากไว้กับหมา ๙ หาง พอเขากลับมาถึงบ้านไม่พบเมียก็จึงเสียใจและเป็นทุกข์ทรมานยิ่งนัก 
•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา
ตอนที่ 8
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿
.........ฝ่ายหมา ๙ หางจึงบอกว่าไม่ต้องเสียใจ ตนจะช่วยพาไปหาเมียเอง แล้วจึงเอาแหวนนั้นให้เขาเก็บไว้
.........แล้วสุนัข ๙ หางก็พูดกับเจ้านายว่าไม่ต้องกังวล ตนเองจะพาท้าวสุพรหมโมกขา ออกติดตามหานางไข่ฟ้าเอง 
.........แล้วทั้งสองก็พากันออกเดินทางจนมาถึง “ลำน้ำพอง” จึงได้พากันว่ายน้ำข้ามลำน้ำพอง โดยท้าวสุพรหมโมกขาเกาะหางสุนัขไป กระแสน้ำเชี่ยวกรากมาก 
.........จนกว่าจะถึงอีกฝั่งหนึ่งหางทั้งเก้าของสุนัข ก็หลุดกระจัดกระจายออกไปกองอยู่เก้าท่อน ต่อมาได้กลายเป็นภูเขาเก้าลูกเรียงรายกันอยู่ 
.........จึงได้เรียกกันว่า "ภูเก้า" มาจนถึงทุกวันนี้ และหางหมาขาดถึง ๘ ครั้งจึงข้ามน้ำได้สำเร็จ ทำให้หมาเหลือหางเดียวมาจนทุกวันนี้ (แต่หางที่เก้าก็ขาดไปครึ่งหนึ่ง) 
.........ฝ่ายหมานั้นก็เจ็บปวดมากเพราะหางขาด และเดินทางมากับเขาได้ไม่นานก็ตายลง เขาจึงนำศพหมาเดินทางต่อไปด้วย 
.........มีแมลงวันตัวหนึ่งมาขอกินเนื้อหมานั้น เขาก็ให้แมลงวันกิน แมลงวันจึงช่วยแนะนำทางเขาจนถึง เขตเมืองของกา 
.........แมลงวันก็บอกว่าตนเดินทางต่อไปไม่ได้แล้ว และบอกว่าถ้าเมื่อใดที่ต้องการให้มันช่วย แล้วก็จงอธิษฐานถึงมัน 
.........เขาจึงเข้าไปในเขตเมืองของกา เมื่อกามาพบเขาและได้ขอกินเนื้อหมาอีกเขาก็จึงให้กากิน กาจึงนำทางให้เขามาจนหมดเขตเมืองของกา 
.........จนถึงเขตของอีแร้ง กาก็ได้สั่งเขาอย่างเดียวกับแมลงวัน พอเข้าเขตอีแร้ง ๆ ก็ขอเขากินเนื้อหมาอีก เขาก็ให้กินและอีแร้งก็กินจนเนื้อสุนัขนั้นหมด 
.........ต่อมาอีแร้งก็ไปส่งเขาจนหมดเขตเมืองของอีแร้ง เขาจึงเดินทางไปเรื่อย ๆ แต่เพียงผู้เดียว เขารู้สึกกลัวจึงไปนอนบนต้นไม้ใหญ่ซึ่งใหญ่ที่สุดในป่าแห่งหนึ่ง
•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา
ตอนที่ 9
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿
.........ต่อมามีนก ๒ ตัวผัวเมียเป็นนกที่ใหญ่มากสามารถบินถึงชั้นฟ้าได้ ซึ่งชื่อว่านกอะจ๊ะเลเล (หัสดีลิงค์) บินมาเกาะที่ต้นไม้นั้นและได้คุยกันว่า 
.........วันนี้กินอิ่มแล้วพรุ่งนี้จะกินอะไรอีก ฝ่ายนกที่เป็นผัวจึงบอกว่า พรุ่งนี้จะไปกินช้างที่เมืองจุมปอน (อุทุมพร) เขาจึงได้รู้ว่าเมียตนอยู่เมืองจุมปอน 
.........เขาจึงแอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในหางปั่วนก (หางนกเส้นโต) รุ่งเช้านกก็บินไปยังเมืองจุมปอน และก็บินลงไปจะไปกินช้างที่ตาย
.........เขาจึงหล่นตกลงมาจากขนนกแล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ มาจนถึงท่าน้ำแห่งหนึ่ง พอดีทางเมืองนั้นจะทำพิธีอาบน้ำนางไข่ฟ้า ซึ่งเป็นเมียของเขาและเป็นลูกสาวของเจ้าเมือง (ซึ่งจะต้องล้างกลิ่นคาวของมนุษย์ออก เพื่อเป็นชาวสวรรค์นั้นเอง) 
.........ซึ่งได้ใช้คนใช้มาหาบน้ำที่ฝั่งแม่น้ำนั้น คนใช้จึงได้มาพบกับเขาที่นั่น เขาจึงถามว่านางหาบน้ำไปทำไม คนใช้ก็บอกว่าตักไปให้ลูกสาวเจ้าเมืองอาบ 
.........เขาจึงช่วยนางยกหาบน้ำใส่บ่าแล้วแอบถอดแหวนใส่ลงในหาบน้ำนั้น พอนางคนใช้หาบน้ำมาถึงในวัง แล้วไปเทให้ลูกสาวเจ้าเมืองอาบ 
.........แหวนจึงได้วิ่งเข้าสวมนิ้วมือของลูกสาวเจ้าเมืองทันที จึงทำให้ลูกสาวเจ้าเมือง หรือนางไข่ฟ้ารู้ว่าผัวของนางมาตาม 
.........นางจึงถามคนใช้ว่าตักน้ำที่ไหนมา คนใช้ก็เลยเล่าให้ฟังว่าพบชายคนหนึ่งอยู่ที่ท่าน้ำ นางจึงบอกให้พ่อแม่ว่าผัวนางมาตาม 
•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

นางไข่ฟ้า-ท้าวสุพรหมโมกขา
ตอนที่ 10
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿
.........พ่อแม่ของนางไข่ฟ้าจึงให้ทหารไปตามเขามา แต่แล้วไม่ให้เห็นตัวนางไข่ฟ้า แล้วจึงจัดงานและให้นางคนใช้อีก ๖ คนมาแต่งตัวให้เหมือนนางไข่ฟ้า แล้วใช้ผ้าม่านปิดหน้าแล้วให้เขาไปเลือกว่าใครเป็นเมียของเขา 
.........โดยเอาแหวนของนางออกเสีย ฝ่ายสุพรหมโมกขาผู้เป็นผัวของนางก็อธิษฐานให้แมลงวันมาช่วย 
.........แมลงวันจึงบินมาเกาะที่มือของนาง เขาจึงชี้ตัวนางได้ถูกต้อง ฝ่ายเจ้าเมืองผู้เป็นพ่อตาก็ไม่เชื่อ จึงให้ใช้ผ้าม่านปิดแล้วให้นางทั้ง ๗ ยื่นนิ้วออกมา คนละนิ้ว แล้วจึงให้เขาเลือกชี้ว่านิ้วไหนเป็นของนางไข่ฟ้า 
.........ชายผู้เป็นสามีจึงอธิษฐานให้แมลงวันมาช่วยอีก แมลงวันจึงมาเกาะที่นิ้วนาง ทำให้เขาชี้ได้ถูกต้อง 
.........เจ้าเมืองจึงเชื่อและได้ยกรองเท้าวิเศษที่ใส่แล้วสามารถเหาะเหินและเดินบนอากาศได้ ให้กับสุพรหมโมกขาอีกด้วย
.........จากนั้นสุพรหมโมกขากับนางไข่ฟ้าสองผัวเมีย ก็ได้ร่ำลาพ่อแม่และญาติพี่น้องของภรรยา เพื่อกลับกระท่อมบ้านป่าของตน 
.........แล้วเขาก็สวมรองเท้าวิเศษนั้น แล้วทั้งสองจึงเหาะขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วลงมาที่กระท่อมในป่าของเขาเหมือนเดิม 
.........ฝ่ายเจ้าเมืองอุตตระที่คดโกงเขาถึง ๓ ครั้ง ๓ ครา พอได้ทราบข่าวดังนั้น จึงรีบยกทัพติดตามมาเพื่อจะชิงเอานางไข่ฟ้า ไปเป็นมเหสีของตนให้ได้ 
.........ซึ่งในระหว่างเดินทัพมาที่กระท่อมของสองผัวเมียนั้น ได้เกิดฝนตกลมแรงและมีฟ้าคะนอง 
.........แล้วเจ้าเมืองอุตตระผู้ชั่วช้าก็ถูก “ฟ้าผ่า” ตายตกลงจากช้างพระที่นั่ง แล้วแผ่นดินก็ได้แยกออก แล้วสูบเอาเจ้าเมืองอุตตระลงสู่มหานรกอเวจีในทันที 
.........เมื่อชาวเมืองอุตตระนครทราบความเช่นนั้น ก็มีความเห็นพ้องต้องกันว่าท้าวสุพรหมโมกขาและนางไข่ฟ้านั้นเป็นผู้มีบุญญาธิการมาก 
.........จึงได้พร้อมใจกันมาอัญเชิญให้มาปกครองเมืองอุตตระนคร แทนเจ้าเมืองคนเก่า ซึ่งทั้งคู่ก็รับคำเชิญและได้ทำการปกครองบ้านเมือง และอาณาประชาราษฎร์ ด้วยทศพิธราชธรรมอย่างมีความสุข และร่มเย็นสืบไปจวบจนสิ้นอายุขัย 
.........แล้วก็ได้จุติ (ตาย หรือ เคลื่อนไป) ไปปฏิสนธิ (เกิด) เป็นเทพบุตรและเทพธิดาบนสวรรค์ชั้นฟ้าเช่นเดิม
•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

กฏแห่งกรรม และการเวียนว่ายตายเกิด 
ยังคงวนเวียนตามสังสารวัฏ...
จนกว่าดวงจิตนั้นจะบรรลุพระนิพพาน...นั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น