วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559

ท้าวปาจิต – นางอรพิม


ปาจิตตกุมารชาดก : ตำนานเมืองพิมาย
(ท้าวปาจิต – นางอรพิม)
****************
...........“ปาจิตตกุมารชาดก”นี้เป็นนิทานชาดกเรื่องหนึ่งใน  “ปัญญาสชาดก” อันเป็นเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ที่ได้เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏนี้ เพื่อบำเพ็ญบุญบารมีให้ครบถ้วน ๓๐ ทัศน์(บารมี ๓๐ ทัศน์) ในการที่จะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง
...........แต่ที่น่าสนใจและน่าตั้งข้อสังเกตก็คือว่า เรื่องราวของชาดกนี้ตรงกันกับเรื่อง “ท้าวปาจิต-นางอรพิม”ซึ่งเป็นตำนานของ “เมืองพิมาย”(อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมาหรือโคราชของไทยในปัจจุบัน)ซึ่งเกิดขึ้นในยุคขอมเรืองอำนาจในสุวรรณภูมิทวีปแห่งนี้ ราวๆพุทธศตวรรษที่๑๕-๑๖(ยุคนั้นยังไม่มีราชอาณาจักรสยามหรือประเทศไทยของเราแต่อย่างใด) ซึ่งยังพอมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้สามารถศึกษาค้นคว้าได้จนถึงทุกวันนี้ และเรื่องนี้ก็มีการบอกต่อและเล่าเป็นตำนานและเป็นนิทานพื้นบ้านสืบต่อมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ท้าวปาจิต – นางอรพิม
            เนื้อเรื่อง(โดยย่อ) :
ตำนานเมืองพิมาย:
ท้าวปาจิต – นางอรพิม
ตอนที่ 1
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿
...........ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕ ในดินแดนสุวรรณภูมินี้ ซึ่งมี “ท้าวปาจิต” ได้เกิดเป็นโอรสของ “พระเจ้าอุทุมราช” กับพระอัครมเหสี "สุวรรณเทวี" กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองนครธม แห่งราชอาณาจักรขอมอันยิ่งใหญ่และเกรียงไกรมากที่สุดในยุคนั้น 
...........เมื่อเจริญวัยเป็นหนุ่ม (พระชันษาประมาณ ๑๕ ปี) พระบิดาก็ให้เลือกคู่ครอง โดยการให้ทหารไปประกาศเรียกหญิงสาวบรรดามี ในมหานครและหัวเมืองประเทศราชทั้งหลายนั้นมา ให้ท้าวปาจิตเลือกเป็นคู่ครอง ...........สาวๆ ที่มานั้นมีทั้งลูกสาวเสนา อำมาตย์ ข้าราชการ ลูกพ่อค้า ชาวนา ชาวไร่ มากันจนหมดเมือง แต่ท้าวปาจิตไม่สนใจเลยแม้สักคนเดียว ...........จึงมิได้คล้องมาลัยให้สาวคนไหนแต่อย่างใด พระเจ้าอุทุมราชทรงกลุ้มพระทัย จึงได้ให้โหรทำนายโชคชะตาราศีและเนื้อคู่แก่พระโอรส 
...........โหรหลวงตรวจดูดวงชะตาตามวันเดือนปีเกิดแล้วกราบทูลว่าเนื้อคู่ของท้าวปาจิตยังไม่เกิด ขณะนี้อยู่ในครรภ์หญิงชาวนาผู้หนึ่ง ในเขตเมืองพิมาย อันเป็นเมืองประเทศราชของนครธม ซึ่งอยู่ทางทิศพายัพของพระนครธม 
...........โดยท้าวปาจิตจะต้องเดินทางไปหาหญิงผู้นั้นและอภิบาลครรภ์ตลอดจนอบรมและเลี้ยงดูกุมารีด้วยพระองค์เอง ซึ่งจะสามารถสังเกตได้ง่ายว่าหญิงคนนั้นกำลังมีครรภ์ และมีเงากลดกางกั้นอยู่เหนือศรีษะ ไม่ว่าจะเดินไปไหนและทำอะไรอยู่กลางแจ้งก็ตาม
...........ท้าวปาจิตไม่รอช้า รีบเร่งเสด็จออกเดินทางไปตามคำทำนายของโหรจนกระทั่งมาถึงเขตเมืองพิมาย ท้าวปาจิตไม่แน่ใจจึงกางแผนที่ออกดูที่ตรงนั้นเรียกในภายหลังว่า บ้านกางตำรา และเพี้ยนเป็น บ้านจารตำรา 
...........ท้าวปาจิตข้ามถนนเพื่อเข้าเขตเมือง บริเวณนั้นเรียกว่า บ้านถนนแล้วเดินมาตามทางถึงหมู่บ้านหนึ่งมีต้นสนุ่นมาก ได้ชื่อว่า บ้านสนุ่น เลยบ้านสนุ่นก็มาถึงท่าน้ำใหญ่ ปัจจุบันเรียก บ้านท่าหลวง 
...........แต่ปรากฎว่าเป็นทางผิด จึงไปอีกทางหนึ่งถึง บ้านสำริด พบหญิงครรภ์แก่ชื่อ “ยายบัว” กำลังดำนาอยู่ เหนือศรีษะของนางมีเงาคล้ายกลดกั้นอยู่ ก็แน่ใจว่าใช่ตามคำทำนาย 
...........จึงเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นใคร มีความประสงค์อะไร และแสดงความตั้งใจว่าจะอยู่ช่วยทำนาให้ จนกว่าจะคลอดลูก หากลูกคลอดออกมาเป็นชายจะยกย่องให้เป็นน้องชาย แต่ถ้าเป็นหญิงจะขอนำไปเป็นมเหสี ซึ่งยายบัวและสามีชื่อ “นายมี” ก็ตกลง และพระองค์ได้ขอร้องไม่ให้เปิดเผยตัวตนของพระองค์  ให้ใครทราบแม้แต่ลูกที่กำลังจะคลอดออกมาก็ตาม
...........ท้าวปาจิตอาศัยอยู่กับยายบัวและนายมีเรื่อยมา โดยช่วยทำงานหนักทุกอย่าง ทั้งๆ ที่พระองค์เกิดมาเป็นลูกกษัตริย์ พระองค์ไม่เคยตกระกำลำบากและลงมือทำเองให้เหนื่อยเช่นนี้มาก่อนเลย เช่น ทั้งดำนา เลี้ยงโคกระบือ เกี่ยวข้าว นวดข้าว เป็นต้น 
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

ตำนานเมืองพิมาย:
ท้าวปาจิต – นางอรพิม
ตอนที่ 2
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿
...........จนยายบัวครบกำหนดคลอด จึงได้ไปตามหมอตำแยมาทำคลอด (หมู่บ้านนั้นจึงได้ชื่อว่าบ้านตำแยในปัจจุบันนี้) ทารกในครรภ์ของยายบัวก็คลอดออกมาเป็นทารกเพศหญิง ตรงตามคำทำนายของโหร 
...........ยายบัวตั้งชื่อให้ว่า “อรพิน” แต่ในภาษาท้องถิ่นอีสานจะเรียกว่า “อรพิม” ทารกหญิงนั้นมีหน้าตาน่ารัก สวยงาม และมีผิวพรรณผ่องใส เป็นที่พอใจแก่ท้าวปาจิตยิ่งนัก 
...........ท้าวปาจิตต้องทำงานหนักและช่วยดูแล ตลอดจนอบรมสั่งสอนนางตั้งแต่เป็นเด็กจนกระทั่งโตเป็นสาวแสนสวยโสภายิ่งนัก ครั้นนางเจริญวัยเป็นสาวสวยก็ได้ผูกสมัครรักใคร่กับท้าวปาจิตเช่นเดียวกัน
...........จนในวันหนึ่งท้าวปาจิตได้บอกถึงฐานะและตัวตนของพระองค์ให้นางทราบ และขออนุญาตนางบัว นายมี และนางอรพิมว่า ตนจะกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนของตน เพื่อยกขันหมากจากพระนครธม มารับนางอรพิมไปอภิเษกสมรสตามราชประเพณีที่พระนครธมต่อไป 
...........เมื่อมาถึงนครธม ท้าวปาจิตได้นำความขึ้นกราบบังคมทูล ต่อพระเจ้าอุทุมราชพระราชบิดาและพระราชมารดา พระองค์จึงให้จัดขบวนขันหมากอย่างดีและมีจำนวนรี้พลมากมาย เดินทางไปเมืองพิมาย 
...........โดยที่หารู้ไม่ว่า บัดนี้ได้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับนางอรพิม นั่นคือ “พระเจ้าพรหมทัต”  กษัตริย์ผู้ครองเมืองพิมายได้ทราบข่าวความงามของนาง จึงได้ให้ “พระยาราม” และเหล่าทหารไปนำตัวนางมาไว้ในพระราชวัง 
...........นางอรพิมสุดที่จะขัดขืนได้จำต้องมา แต่นางได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้ามิใช่ท้าวปาจิตแล้ว ผู้ใดแตะต้องตัวนางก็ขอให้กายนางร้อนเหมือนไฟ 
...........ดังนั้นพระเจ้าพรหมทัตจึงแตะต้องตัวนางมิได้ โดยพระเจ้าพรหมทัตพยายามเอาอกเอาใจต่างๆ นาๆ และจะพยายามเข้าใกล้นางอรพิม แต่เมื่อเข้าใกล้ตัวนางเมื่อใหรก็รู้สึกร้อนเป็นไฟ จึงได้ถามนางอรพิม นางได้กราบทูลว่าให้รอพี่ชายมาก่อน
...........กระบวนขันหมากของท้าวปาจิต ยกออกจากนครธมมาหลายคืนหลายวัน จนมาถึงลำน้ำแห่งหนึ่ง (อยู่ในตำบลงิ้ว ปัจจุบันนี้) ท้าวปาจิตให้ทหารหยุดกระบวนขันหมาก เพื่อให้ทหารและสัตว์พาหนะได้พักและบริโภคน้ำ 
...........ชาวบ้านเห็นผู้คนมากันมากมายจึงเข้ามาไต่ถามว่า มาทำไมและจะไปไหน พวกทหารตอบว่าจะไปบ้านสำริด เพราะพระโอรสกษัตริย์แห่งเมืองขอมจะแต่งงานกับสาวบ้านนี้ ชาวบ้านจึงถามชื่อหญิงคนนั้น ทหารบอกว่าชื่อนางอรพิม ชาวบ้านจึงเล่าให้ฟังว่า พระเจ้าพรหมทัตได้นำตัวนางเข้าไปไว้ในปราสาทเมืองพิมายเสียแล้ว
...........ซึ่งทั้งพระเจ้าอุทุมราชและท้าวปาจิต ทรงตกพระทัยเป็นยิ่งนัก โดยเฉพาะท้าวปาจิต โกรธมากถึงกับโยนทรัพย์สินเงินทองข้าวของเครื่องใช้และขันหมากทิ้งลงแม่น้ำหมด (ที่ตรงนั้นเรียกว่า “ลำมาศ”หรือ “ลำปลายมาศ” ที่ไหลไปสู่ลำน้ำมูลจนทุกวันนี้) 
...........ส่วนรถทรงก็ตีล้อดุมรถและกงรถจนหักทำลายหมด ชาวบ้านนำมากองรวมกันไว้จนที่เรียกว่า บ้านกงรถ 
...........เมื่อพระทัยเย็นลงแล้ว ท้าวปาจิตก็ได้ขออนุญาตพระบิดาไปตามนางกลับคืนมาตามลำพังด้วยพระองค์เอง ดังนั้นพระเจ้าอุทุมราชและข้าทหารทั้งหลายจึงเดินทางกลับนครธมไปก่อน 
...........ส่วนท้าวปาจิตรีบไปพบยายบัว และนายมี แล้วปลอบโยนทังคู่ว่าพระองค์จะใช้สติปัญญา นำนางอรพิมออกมาให้ได้อย่างปลอดภัย และได้มอบทรัพย์จำนวนหนึ่ง และม้าให้นางบัว และนายมีหลบไปอยู่ที่อื่นสักพักหนึ่งก่อน เพื่อความปลอดภัย 
...........แล้วพระองค์ก็ปลอมตัวเป็นลูกชายยายบัวเข้าไปตามหาน้องสาวชื่อ อรพิม โดยได้ไปบอกนายประตูเมืองพิมายว่าจะขอเข้าไปเยี่ยมน้องสาว นายประตูถามว่าจะพบใคร ท้าวปาจิตตอบว่า นางอรพิม ซึ่งจะเป็นพระมเหสีของพระเจ้าพรหมทัตในไม่ช้านี้ นายประตูจึงพาไปพบนางอรพิม
...........ครั้นเมื่อนางพบหน้าท้าวปาจิต นางก็ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก จนนางร้องออกมาว่า “อ้อ! พี่มา!...”๓ ครั้ง (คำนี้เพี้ยนเป็น “พิมาย” อันเป็นชื่อเมืองหรืออำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมาหรือโคราชของประเทศไทยของเราในปัจจุบันนี้นั้นเอง) 
...........พระเจ้าพรหมทัตเสด็จมาหานางอรพิม และได้มาพบเห็นท้าวปาจิตอยู่กับนางอรพิม จึงถามว่าเป็นใคร? นางตอบว่าเป็นพี่ชายของนางเอง พระเจ้าพรหมทัตถามว่าทำมาหากินอะไร? ทำไร่ทำนา หรือค้าขายอะไร? 
...........ท้าวปาจิตตอบว่าค้าขายทางไกล ทราบว่าน้องสาวจะอภิเษกสมรสเป็นพระมเหสีของพระองค์จึงมาอวยพรให้ และอยากรู้จักกับพระองค์และให้พระองค์รู้จักตนด้วย 
...........พระเจ้าพรหมทัตดีใจอย่างมาก เพราะนางอรพิมจะได้ยอมเป็นพระมเหสีอย่างที่เคยลั่นวาจาไว้เสียที จึงสั่งให้หาเหล้ายาอาหารมาเลี้ยงดูท้าวปาจิตอย่างดี ท้าวปาจิตจึงดื่มเพียงเล็กน้อย 
...........แต่พระเจ้าพรหมทัตถูกนางอรพิมมอมเหล้าเสียจนเมามาย จนเสียสติจนถึงขั้นลวนลามนางอรพิมต่อหน้าต่อตาท้าวปาจิต ท้าวปาจิตจึงใช้พระขรรค์ฟันคอพระเจ้าพรหมทัตขาดสิ้นพระชนม์อยู่ ณ ที่นั้น แล้วจึงอุ้มนางอรพิมหนีออกมาทางประตูลับ 
...........ท้าวปาจิตและนางอรพิมบุกป่าฝ่าดงอย่างทุลักทุเล และยากลำบากจนเดินทางมาถึงป่าใหญ่แห่งหนึ่ง พอดีเป็นเวลารุ่งสว่างได้พบนายพรานคนหนึ่งชื่อ “พรานนกเอี้ยง” ซึ่งออกมาเที่ยวล่าเนื้ออยู่ 
...........พรานนกเอี้ยงเห็นนางอรพิมสวยงามมากก็นึกรักนาง จึงใช้หน้าไม้ยิงท้าวปาจิตถึงแก่ตายแล้วก็ฉุดพานางไป นางจึงทำเล่ห์กลว่ามีกำลังน้อยเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยมาก จะเดินทางไปไม่ไหว ถ้ามีรถหรือเกวียนหรือช้างม้าให้นางนั่งไปนางก็ยินดีจะไปด้วย 
...........พรานหลงเชื่อจึงไปหากระบือมาให้นางขี่ ตัวนายพรานจึงนั่งข้างหน้าคอยบังคับกระบือ ส่วนนางอรพิมนั่งข้างหลังพอได้โอกาสนางก็ใช้พระขรรค์ของท้าวปาจิตแทงนายพรานตาย แล้วนางจึงรีบกลับมาที่ศพของท้าวปาจิต นางร่ำไห้คร่ำครวญอย่างน่าสมเพชทุกขเวทนายิ่งนัก 
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

ตำนานเมืองพิมาย:
ท้าวปาจิต – นางอรพิม
ตอนที่ 3
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿
...........จน “พระอินทร์”เกิดความสงสารจึงได้ชวนเอา “พระเวสสุกรรม” แปลงกายเป็น “งู” กับ “พังพอน”สู้กันให้นางได้เห็น 
...........เมื่อพังพอนตาย งูก็ไปกัดเปลือกไม้ชนิดหนึ่งมาเคี้ยวแล้วพ่นใส่บาดแผลพังพอน พังพอนจึงฟื้นขึ้นมาแล้วก็ต่อสู้กันต่อไป ครั้นงูตายพังพอนก็ทำเช่นเดียวกัน สัตว์ทั้งสองผลัดกันตายผลัดกันฟื้นเช่นนี้เป็นเวลาพอสมควรแล้วหายไป 
...........นางอรพิมซึ่งเฝ้าสังเกตอยู่ เห็นหนทางที่จะทำให้ท้าวปาจิตฟื้นจึงไปเอาเปลือกไม้นั้นมาเคี้ยวพ่นใส่บาดแผลท้าวปาจิตเช่นกัน ท้าวปาจิตจึงฟื้นขึ้นมาได้อีก แล้วทั้งคู่ก็ได้ช่วยกันเก็บเปลือกไม้นั้นติดตัวไปเท่าที่จะนำไปได้แล้วออกเดินทางต่อไปยังนครธม 
...........หลังจากรอนแรมกันมาเป็นเวลาพอประมาณ ก็มาถึงฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่งซึ่งกว้างใหญ่มาก ไม่มีเรือแพหรือขอนไม้จะข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ จึงนั่งปรึกษาหาหนทางอยู่ 
...........ขณะนั้นมีเถรคนหนึ่งซึ่งชาวบ้านเรียก “เถรเรือลอย” เพราะเถรลงเรือไปบิณฑบาตตามแม่น้ำเป็นประจำ เถรพายเรือผ่านมา 
...........ท้าวปาจิตขอร้องให้ช่วยส่งข้ามฟากให้ด้วย เถรเห็นนางอรพิมสวยงามมากก็คิดจะพานางไปกับตน จึงบอกว่าเรือลำนี้ขึ้นได้ครั้งละ ๒ คนเท่านั้น มิฉะนั้นเรือจะล่ม ท้าวปาจิตจำต้องให้นางอรพิมไปกับเถรก่อน 
...........เถรเจ้าเล่ห์พานางลอยน้ำไปเรื่อย ๆ ท้าวปาจิตจะเรียกอย่างไรก็มิได้หยุด จึงต้องพลัดพรากกันอีกครั้งหนึ่ง นางอรพิมจำต้องคิดอุบายหนีจากเถรให้ได้ จนกระทั่งมาพบต้นมะเดื่อต้นหนึ่ง ซึ่งสูงมากและมีลูกดกเต็มต้นและมีผลงาม ๆ น่ากินทั้งนั้น 
...........นางบอกเถรว่าอยากกินมะเดื่อ ให้เถรปีนขึ้นไปเก็บมาให้เลือกเอาลูกที่งามที่สุดอร่อยที่สุดสุกที่สุด ซึ่งจะอยู่บนยอดสูงๆ เถรหลงเชื่อปีนต้นไม้ไปหาลูกมะเดื่อที่นางต้องการ นางจึงรีบเอาหนามมากองสุมไว้โคนต้นมะเดื่อนั้นเพื่อไม่ให้เถรสามารถลงมาได้นั้นเอง แล้วนางก็รีบลงเรือพายหนีไปตามหาท้าวปาจิต 
...........ก่อนไปนางได้สั่งไว้เป็นวาจาสิทธิ์ว่าให้เถรอยู่บนต้นมะเดื่ออย่าไปไหน เถรจึงตายอยู่บนต้นมะเดื่อนั่นเอง ก่อนเถรตายได้แช่งให้มีแมลงหวี่มาเกิดในลูกมะเดื่อทุกลูกไป (จึงปรากฏว่าว่าลูกมะเดื่อมีแมลงหวี่อยู่จนทุกวันนี้) 
...........นางอรพิมพายเรือกลับมาหาท้าวปาจิตแต่ไม่พบ จึงจอดเรือแล้วขึ้นฝั่งเที่ยวตามหาท้าวปาจิตตามสถานที่ต่างๆ อย่างยากลำบากและตัวคนเดียว 
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

ตำนานเมืองพิมาย:
ท้าวปาจิต – นางอรพิม
ตอนที่ 4
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿
...........จนพระอินทร์เกิดความสงสาร จึงลงมาประทานแหวนให้วงหนึ่ง พร้อมกับบอกนางว่า ถ้าสวมไว้ที่นิ้วชี้จะกลายร่างเป็นชาย แต่ถ้าถอดออกสวมนิ้วอื่นจะกลายเป็นหญิงดังเดิม 
...........นางอรพิมดีใจมาก จึงได้ควักนมทั้งสองข้างออกมาแล้วปาเข้าป่ากลายเป็นต้น "นมนาง" จากนั้นนางจึงจิกแก้มอันอวบอิ่มจิ้มลิ้มเป็นพวงแล้วเหวี่ยงทิ้งไปกลายเป็นต้น "แก้มอ้น" และควักโยนีขึ้นปาเข้าป่ากลายเป็นต้น "โยนีปีศาจ" 
...........นางจึงสวมแหวนที่นิ้วชี้จึงกลายร่างเป็นชาย แล้วเดินติดตามท้าวปาจิตต่อไป พบใครที่ไหนก็สอบถามว่าเห็นใครรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ไหม? รู้จักคนชื่อท้าวปาจิตไหม? สอบถามจนทั่วแล้วก็ไม่มีผู้ใดรู้จักหรือเห็นเลย นางจึงร่อนเร่ไปโดยอยู่ในเพศชายตามลำพัง
...........จนกระทั่งมาถึงเมืองหนึ่ง ชื่อ “เมืองครุฑราช” ซึ่งมีลูกสาวชื่อ “แตงโม” เป็นหญิงสาวสวยงามและนิสัยดีของเศรษฐีคนหนึ่ง พึ่งจะเสียชีวิตลง รักษาอย่างไรก็ไม่หาย 
...........นางจึงขออาสารักษาและก็สามารถทำให้นางฟื้นขึ้นมาได้ เศรษฐีและภรรยาดีใจมาก จะยกสมบัติและให้แต่งงานกับลูกสาวของตน 
...........แต่นางอรพิมไม่ยอมขอเดินทางตามหาญาติต่อไป ซึ่งลูกสาวเศรษฐีก็ขอติดตามไปด้วย จนกระทั่งมาถึง “เมืองจัมปากนคร” 
...........โดยที่เมืองจัมปากนครที่นางอรพิมมาถึงนี้ พระมหากษัตริย์ผู้ปกครองเมืองมีพระราชธิดาสวยงามมากชื่อ “ปทุมวดี” แต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไรตาย หมอคนใดก็ช่วยไว้ไม่ได้ ชาวเมืองพากันร้องไห้อาลัยรักนางอยู่ 
...........นางอรพิมรู้เข้าก็อยากจะลองช่วยนางดู จึงให้คนพาไปเฝ้าพระมหากษัตริย์ทูลขออนุญาตรักษา เมื่อพระองค์อนุญาต นางอรพิมได้ใช้เปลือกไม้ที่ได้จากป่า คราวรักษาท้าวปาจิตมาเคี้ยวพ่นใส่พระราชธิดาจนฟื้นขึ้น 
...........พระมหากษัตริย์และพระญาติทั้งหลายดีใจมาก ปรึกษากันว่าจะให้นางอรพิมอภิเษกกับพระธิดา แต่นางอรพิมบ่ายเบี่ยงว่าขอเวลาสักปีหรือสองปีให้ได้บวชเรียนและศึกษาศิลปศาสตร์ให้จบก่อน พระมหากษัตริย์จำต้องยอมตามใจนาง
...........นางอรพิมจึงขอลาไปตามหาท้าวปาจิต ด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง ว่าคงจะไม่พบกันเป็นแน่แล้ว นางได้ไปบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย จนมีความรู้แตกฉานมาก 
...........พระในวัดและลูกศิษย์ตลอดจนชาวบ้านต่างก็ยกให้เป็นพระสังฆราช (น่าจะเป็นตำแหน่งเจ้าอาวาสในปัจจุบัน) 
...........ซึ่งนางอรพิมได้ให้สร้างโบสถ์ขึ้นหลังหนึ่งแล้วเขียนภาพเล่าเรื่องของนางกับท้าวปาจิตที่ฝาผนังโบสถ์ไว้ เริ่มตั้งแต่แต่ท้าวปาจิตได้อาศัยอยู่กับยายบัว จนถึงตอนนางมาบวชอยู่ที่วัดนี้ 
...........ซึ่งแต่ละตอนละเอียดครบถ้วนกระบวนความ และนางยังสั่งไว้ว่า หากมีผู้ใดที่มาดูภาพเขียนฝาผนังแล้วร้องไห้ก็ให้คนเฝ้าโบสถ์รีบไปบอกให้ตนรู้ทันที
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์
ตำนานเมืองพิมาย:
ท้าวปาจิต – นางอรพิม
ตอนที่ 5
✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿
...........วันหนึ่งท้าวปาจิตเดินทางรอนแรมมาจนถึงเมืองนี้ ได้ขอเข้าพักอาศัยในโบสถ์ แล้วนอนหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย 
...........ครั้นตื่นขึ้นมาก็มองไปรอบ ๆ เห็นภาพเขียนบนฝาผนังโบสถ์ จึงได้ลุกขึ้นไปเดินดูโดยรอบ ก็รู้ว่าเป็นเรื่องราวของตนกับนางอรพิม จึงทรุดลงร่ำไห้อยู่ตรงนั้น คนเฝ้าโบสถ์เห็นดังนั้นจึงรีบนำความไปเล่าให้พระสังฆราชรู้ 
...........พระสังฆราชจึงให้นำท้าวปาจิตไปพบ ท้าวปาจิตได้สอบถามความเป็นมาของรูปเขียน พระสังฆราชตื่นเต้นดีใจและมีความสุขมากแต่ข่มใจไว้ 
...........จึงได้เล่าความจริงให้ฟังและบอกว่าตนคือนางอรพิม จากนั้นก็ได้ถอดแหวนออกจากนิ้วชี้แล้วสวมที่นิ้วนางแทน แล้วก็กลายรูปเป็นหญิงตามเดิม
...........ทั้งสองต่างโผเข้าสวมกอดกันร่ำไห้ด้วยความยินดีและตื้นตันใจเป็นที่สุด แล้วนางอรพิมก็บอกความจริงกับทุกคน และขอลาชาววัดและชาวบ้านเดินทางกลับพระนครธม 
...........ตลอดจนได้ขออนุญาตจากเจ้าเมืองจัมปากนคร และเศรษฐีเมืองครุฑราช ให้ยกลูกสาวให้กับท้าวปาจิตแทน ซึ่งทุกคนต่างก็ตกลงและยินดียกให้เป็นมเหสีของท้าวปาจิต ผู้ซึ่งเป็นองค์รัชทายาทแห่งราชอาณาจักรขอมนครธมนั้นเอง 
...........เมื่อกลับถึงนครธมพระเจ้าอุทุมราชและพระราชมารดา ตลอดจนพระประยูรญาติและชาวพระนครทั้งหลา ยต่างปลื้มปิติและมีความยินดีเป็นอย่างมาก จึงจัดให้มีพระราชพิธีอภิเษกสมรสให้กับท้าวปาจิตและพระมเหสีทั้งสาม 
...........หลังจากนั้นท้าวปาจิตและพระมเหสีทั้งสามก็ได้มาปกครองที่เมืองพิมาย อันเป็นหัวเมืองประเทศราชของนครธม แทนพระเจ้าพรหมทัตที่พึ่งจะสิ้นพระชนม์ไป 
...........โดยพระองค์ได้จัดให้มีพิธีพระราชทานเพลิงและจัดให้สร้างปราสาทไว้เป็นอนุสรณ์แก่พระเจ้าพรหมทัตที่สวรรคตแล้วนั้นด้วย โดยพระองค์ได้ทำการปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรมและนำความร่มเย็นเป็นสุขให้กับเมืองพิมายอยู่เป็นเวลาหลายปี
...........ครั้นเมื่อพระเจ้าปทุมราชพระราชบิดาของพระองค์เสด็จสวรรคต พระองค์ก็ได้เสด็จกลับพระนครธม และได้รับการอภิเษกให้ขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรขอมแทน 
...........โดยพระองค์และพระมเหสีทั้งสามได้ทำการปกครองและทำนุบำรุงบ้านเมืองและประเทศราชทั้งหลายให้มีความร่มเย็นเป็นสุขและอยู่ดีกินดีกันโดยทั่วหน้าสืบมาจนสิ้นอายุขัย

✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ƸӜƷ✿ ✿•*`*•.¸ƸӜƷ✿¸•*`*•.¸ ครูชาญวิทย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น